ศึกขี่ม้า “Princess’s Cup Thailand 2025” รูดม่านปิดฉากสวยงาม สะท้อนพระวิสัยทัศน์สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ยกระดับกีฬาขี่ม้าไทยสู่สากล
การแข่งขันกีฬาขี่ม้าระดับนานาชาติรายการสำคัญแห่งปี “Princess’s Cup Thailand 2025” ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการด้วยความสำเร็จอันงดงาม ณ สนามขี่ม้า กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (สนามเป้า) กรุงเทพมหานคร สะท้อนถึงพระวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและพระราชปณิธานอันแน่วแน่ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการพัฒนากีฬาขี่ม้าไทยให้มีความสง่างาม ได้มาตรฐาน และทัดเทียมระดับสากล ควบคู่กับการสร้างแรงบันดาลใจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
ตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ของการจัดงาน บรรยากาศการแข่งขันขี่ม้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและสปิริตของเหล่านักกีฬา โดยไฮไลต์สำคัญของปีนี้คือการแข่งขันภายในสนาม Fürst Henry Arena ที่ใช้จัดแข่งขันขี่ม้าในร่ม Indoor Eventing ประเภท Cross Country ครั้งแรกของเอเชีย ถือเป็นสนามที่ได้มาตรฐานระดับโลก รองรับการแข่งขันกีฬาขี่ม้าครบทุกประเภทสากล ได้แก่ การบังคับม้า (Dressage) การข้ามเครื่องกีดขวางในภูมิประเทศ (Eventing) และการกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง (Jumping) นอกจากนี้ ยังมีการจัดประกวดสุดยอดช่างทำเกือกม้าและผู้ดูแลม้า เพื่อเชิดชูบุคลากรผู้มีบทบาทสำคัญเบื้องหลังความสำเร็จของวงการกีฬาขี่ม้าไทย ตามแนวพระดำริในการพัฒนาอย่างรอบด้าน
นอกเหนือจากมิติด้านกีฬาที่เข้มข้นภายในสนาม Fürst Henry Arena แล้ว งาน Princess’s Cup Thailand 2025 ยังโดดเด่นในด้านพื้นที่ที่กว้างขวาง โดยประชาชนทั่วไปสามารถพาสมาชิกในครอบครัวมาร่วมกิจกรรมหลากหลายภายในพื้นที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ อาทิ การแข่งขันกีฬาสุนัข Dog IGP การประกวดสุนัขสวยงาม Supreme Dog Show และกิจกรรม Dog Fun Run ควบคู่กับโซนไลฟ์สไตล์ที่ครบครัน ทั้งนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ 'THE SPIRIT OF ETERNAL GRACE' ที่ถ่ายทอดความสง่างามของผ้าไทยและมรดกทางวัฒนธรรม Kid Zone พื้นที่สร้างแรงบันดาลใจสำหรับเยาวชน โซนอาหารสไตล์ Food Truck และ Flea Market สไตล์วินเทจ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชนตลอดการจัดงาน
ความสำเร็จของงาน Princess’s Cup Thailand 2025 ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสานต่อพระปณิธานของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงมุ่งหวังให้กีฬาขี่ม้า ศิลปวัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์ เป็นพลังขับเคลื่อนสังคม ควบคู่กับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งยังเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพของวงการกีฬาขี่ม้าไทยที่พร้อมก้าวสู่เวทีโลกอย่างสง่างามและภาคภูมิ