หนึ่งในกีฬาที่กำลังมาแรงที่สุดในช่วงนี้คงหนีไม่พ้น "ไฮร็อกซ์" (HYROX) ที่ไม่ได้มีดีแค่ความหนักหน่วง แต่ยังเป็นการวัดความแข็งแกร่ง, ความทนทาน และความมุ่งมั่นของนักกีฬาอย่างแท้จริง
ไฮร็อกซ์ เป็นกีฬาที่ผสมผสานการวิ่งกับสถานีออกกำลังกายแบบฟังก์ชั่นนัลที่เรียบง่าย, ชัดเจน, มาตรฐานเดียวกัน, เหมาะสำหรับทุกช่วงวัย และทุกเพศ
รูปแบบการแข่งขันที่ใช้มาตรฐานเหมือน ทำให้ผู้เข้าแข่งขันอยู่บนพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน ความสม่ำเสมอนี้ในทุกสถานที่จัดงานยังทำให้นักกีฬาสามารถเปรียบเทียบเวลาและพัฒนาการของตนเองได้ ไม่ว่าจะแข่งขันที่ไหนก็ตาม
ในการแข่งขัน ไฮร็อกซ์ ผู้เข้าร่วมแข่งจะต้องวิ่งรวมทั้งหมด 8 กิโลเมตร แบ่งเป็นช่วงละ 1 กม. โดยหลังจากวิ่งครบแต่ละกิโลเมตร จะต้องเข้าสถานี (สเตชั่น - Station) ออกกำลังกายสุดท้าทายหนึ่งอย่าง ให้เสร็จเร็วที่สุด
ทั้ง 8 สถานี เต็มไปด้วยบททดสอบความสามารถทางร่างกายที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง, ความทนทานของกล้ามเนื้อ, ความคล่องแคล่ว และความแข็งแรงของระบบหัวใจและหลอดเลือด
8 สถานี (สเตชั่น - Station) สุดโหดที่นักกีฬาต้องพิชิต
วิ่ง 1 กิโลเมตร
เครื่องสกี (SkiErg) - พายเครื่องสกี 1,000 เมตร ทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง แขน และลำตัว
วิ่ง 1 กิโลเมตร
ผลักเลื่อน (Sled Push) - ผลักเลื่อนน้ำหนัก 50 เมตร ทดสอบพละกำลังของกล้ามเนื้อขาและสะโพก
วิ่ง 1 กิโลเมตร
ดึงเลื่อน (Sled Pull) - ดึงเลื่อนน้ำหนัก 50 เมตร ทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและแขน
วิ่ง 1 กิโลเมตร
เบอร์ปี้กระโดดไกล (Burpee Broad Jumps) - ทำเบอร์ปี้แล้วกระโดดไปข้างหน้า 80 เมตร ทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทั่วร่างกายและความคล่องแคล่ว
วิ่ง 1 กิโลเมตร
เครื่องพาย (Rowing) - พายเครื่องพาย 1,000 เมตร ทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา หลัง และแขน
วิ่ง 1 กิโลเมตร
แบกน้ำหนัก (Farmers Carry) - แบกน้ำหนักสองข้างเดิน 200 เมตร ทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขน หลัง และลำตัว
วิ่ง 1 กิโลเมตร
ลันจ์พร้อมกระสอบทราย ( Sandbag Lunges) - แบกกระสอบทรายแล้วทำท่าลันจ์เดิน 100 เมตร ทดสอบความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อขา
วิ่ง 1 กิโลเมตร
ขว้างบอลผนัง (Wall Balls) - ขว้างลูกบอลน้ำหนักขึ้นไปให้โดนเป้าบนกำแพง 100 ครั้ง ทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา ไหล่ และแขน
ยากสำหรับมือใหม่หรือไม่?
ไฮร็อกซ์ เปิดให้ทุกคนเข้าร่วมได้ โดยมีการแข่งขันทั้งหมด 2 ประเภท คือ โปร (Pro) และ โอเพ่น (Open) ซึ่งเหมาะกับทุกระดับความสามารถ
แบบ "โอเพ่น" (Open) เหมาะกับผู้ที่ต้องการท้าทายตัวเอง
แบบ "โปร" (Pro) สำหรับผู้ที่มีความฟิตสูง ต้องการแข่งกับนักกีฬาชั้นแนวหน้า
ดังนั้น ไฮร็อกซ์ ถูกออกแบบมาเพื่อทดสอบ, ความแข็งแรง, ความอึด และความฟิตโดยรวมของผู้เข้าร่วมแข่ง การเปิดกว้างให้เข้าร่วมได้ง่ายทำให้นักออกกำลังกายหลายคนสามารถเข้าร่วม แข่งไฮร็อกซ์ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า การแข่งขันนี้ยังต้องการความฟิตและการเตรียมตัวที่ดีในวันแข่งขัน ดังนั้นสำหรับมือใหม่ถ้าหากมีร่างกายฟิตและจิตใจพร้อม ก็สามารถเข้าร่วมท้าทายตัวเองได้เลย
ประเภทของการแข่งขัน
ไฮร็อกซ์ ซิงเกิลส์ โอเพ่น - แข่งคนเดียวให้ครบทุกสถานี
ไฮร็อกซ์ ซิงเกิลส์ โปร - ยากที่สุดมีเต็มไปด้วยนักกีฬาอาชีพ
ไฮร็อกซ์ ดับเบิ้ล - ประเภทคู่สามารถแข่งขันได้ทั้งแบบหญิงล้วน ชายล้วน หรือทีมผสม
ไฮร็อกซ์ โปร ดับเบิ้ล - ประเภทคู่ที่ยากกว่าโดยเป็นนักีฬามืออาชีพ
รีเลย์ไฮร็อกซ์ - การแข่งที่เป็นมิตรกับผู้เริ่มต้นมากที่สุด และเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมสำหรับมือใหม่ที่จะได้สัมผัสประสบการณ์กีฬาสุดเข้มข้นก่อนจะไปสู่ประเภทคู่หรือเดี่ยว
ผู้เริ่มต้นควรเตรียมตัวและฝึกซ้อมยังไง
สำหรับมือใหม่สิ่งสำคัญก็คือการฝึกฝนทั้งด้านความแข็งแรงและความอึด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บและเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน โดยการซ้อมจะมีทั้งการวิ่ง และผสมผสาน การฝึกความแข็งแรงและฟังก์ชันนัล เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทาน
ระยะเวลาในการฝึกเพื่อเตรียมตัวขึ้นอยู่กับระดับความฟิตพื้นฐานของนักกีฬา แต่เพื่อให้มั่นใจว่าร่างกายอยู่ในระดับความฟิตสูงสุดก่อนวันแข่งขัน แนะนำให้ฝึกอย่างน้อย 12 สัปดาห์ แต่หากสามารถฝึกสม่ำเสมอ 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นเวลา 8 สัปดาห์ ก็อาจเพียงพอแล้ว
วันแรก : วิ่ง และฝึกไฮร็กซ์เฉพาะทาง
เริ่มด้วยการวิ่งแบบสม่ำเสมอ 20–30 นาทีรวมวิ่งแบบต่อเนื่อง 6–8 กม.
วันสอง: เน้นความแข็งแรง
เน้นการออกกำลังกายแบบทั้งตัว เช่น สควอต, เดดลิฟต์, แลนจ์ และวิดพื้น รวมทั้งการฝึกเวทเทรนนิ่ง ท่าเหล่านี้จะช่วยสร้างความแข็งแรงทั้งร่างกายส่วนบนและล่าง
วันสาม: จำลองการแข่งขันไฮร็อกซ์
ฝึกจำลองการแข่งไฮร็อกซ์แบบสั้นๆ โดยมีการวิ่งและท่าออกกำลังกายเฉพาะทาง โดยค่อย ๆ ทำไปทีละขั้น ช้าแต่มั่นคง
วันสี่: คาร์ดิโอ
เพิ่มคาร์ดิโอเพื่อเสริมความฟิตของหัวใจและปอด อาจจะเป็นการวิ่ง, เดิน, ปั่นจักรยาน, หรือว่ายน้ำเป็นต้น ที่สำคัญการพักและฟื้นฟูเป็นกุญแจสำคัญ ในการพัฒนาประสิทธิภาพ
การทำซ้ำ - กุญแจสู่ประสิทธิภาพสูงสุดในการเตรียมตัวคือทำซ้ำแผนฝึกนี้เป็นเวลา 8-12 สัปดาห์
ที่สำคัญ ต้องอบอุ่นร่างกายและยืดคลายกล้ามเนื้อทั้งก่อนและหลังทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงจากอาการบาดเจ็บ
เหตุผลที่ ไฮร็อกซ์ ถึงเป็นที่นิยม
เหตุผลสำคัญเพราะนี่คือกีฬาที่เป็นสูตรสำเร็จในการสร้างประสบการณ์การแข่งขันที่น่าจดจำ เป็นกีฬาที่มาพร้อมกับความท้าทายใหม่ๆ, สร้างความตื่นเต้น และเป็นประสบการณ์นี้ไม่เหมือนใคร ที่สำคัญยังเป็นการท้าทายขีดจำกัดของร่างกายและจิตใจผู้เข้าร่วมแข่ง นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างวินัยในการออกกำลังกายตลอดชีวิต และสร้างความอดทนทางร่างกายและจิตใจในทุกๆ สถานการณ์
✍️ 𝐓𝐎𝐌𝐌𝐘 𝐓𝐄𝐄