พาเดล และ พิกเคิลบอล เป็นกีฬาแนวใหม่ที่เติบโตเร็ว และได้รับความนิยมทั่วโลก เพราะให้ทั้งความสนุก, ได้สังคม และเรียนรู้ง่าย
นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่กีฬา 2 ชนิดนี้ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นสมาคมกีฬาในประเทศไทย
แล้วคุณสงสัยไหมว่า พาเดล กับ พิกเคิลบอล เหมือนกันไหม ? แน่นอนว่าคุณไม่ได้สงสัยเพียงคนเดียว
เพราะทั้งสองกีฬามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องของกติกา, อุปกรณ์ และสไตล์การเล่น
วันนี้เราจะมาเจาะความแตกต่างหลักๆ ระหว่าง พาเดล และ พิกเคิลบอล เช่น ขนาดของสนาม, แร็กเกต,ลูกบอล และกฎกติกา
พาเดล แตกต่างจาก พิกเคิลบอล ยังไง ?
คำตอบก็คือ "แตกต่างกัน" แม้ว่าทั้งสองกีฬาจะเล่นในสนามที่มีขนาดเล็กกว่าเทนนิส แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่หลายประการ
ขนาดสนาม
คอร์ตของ พาเดล มีขนาด 20 เมตร x 10 เมตร ล้อมรอบด้วยผนังกระจกและรั้วโลหะ ผนังเหล่านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเล่น ซึ่งผู้เล่นสามารถตีลูกกระทบผนังได้เหมือนกีฬาสควอช
คอร์ตของ พิกเคิลบอล มีขนาด 13.4 เมตร x 6.1 เมตร ซึ่งใกล้เคียงกับสนามแบดมินตัน และไม่มีผนังล้อมรอบ ทำให้ผู้เล่นต้องโฟกัสกับการวางลูกและการยืนตำแหน่งในสนามอย่างแม่นยำ
แร็กเกต
แร็กเกตของ พาเดล เป็นแบบทึบ ไม่มีเอ็น และทำจากคาร์บอนไฟเบอร์หรือไฟเบอร์กลาส แร็กเกตถูกออกแบบให้มีรูเจาะเพื่อลดแรงต้านของอากาศ ช่วยให้ผู้เล่นตีลูกได้แรงขึ้นและเพิ่มการหมุนของลูกบอล
แร็กเกตของ พาเคิลบอล เป็นแบบทึบ ไม่มีเอ็น แต่จะแบนเรียบไม่มีรู ทำจากวัสดุคอมโพสิตหรือกราไฟต์ ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นการควบคุมและความแม่นยำ มากกว่าพลังในการตีลูก
ประเภทลูกบอล
ลูกบอลของ พาเดล มีลักษณะใกล้เคียงกับลูกเทนนิส แต่ขนาดเล็กกว่าเล็กน้อยและมีแรงดันต่ำกว่า เพื่อให้เหมาะกับขนาดสนามและพื้นสนาม
ลูกบอลพิกเคิลบอลทำจากพลาสติกแข็งและมีรูคล้ายลูกวิฟเฟิลบอล มีการเด้งต่ำกว่าและเคลื่อนที่ช้ากว่าลูกบอลพาเดล
กฎกติกา
พาเดล : ใช้การนับคะแนนแบบเทนนิส (15, 30, 40, เกม) และชนะในเกมต้องได้คะแนนนำห่าง 2 คะแนน (เช่น 6-4) โดยการเสิร์ฟแบบตีต่ำ ลูกต้องเด้งหนึ่งครั้งก่อนตี และเสิร์ฟแบบทแยงมุม ผนังเป็นส่วนสำคัญของการเล่น ลูกสามารถตีให้เด้งจากผนังได้หลังจากตกลงบนสนาม ที่สำคัญผู้เล่นสามารถตีลูกให้เด้งจากผนังฝั่งตนเองเพื่อให้ลูกอยู่ในเกมต่อได้
พาเคิลบอล : ใช้ระบบคะแนนเฉพาะตัว โดยจะได้คะแนนก็ต่อเมื่อทีมเสิร์ฟทำคะแนนได้ เกมมักเล่นถึง 11 คะแนน และต้องชนะด้วยคะแนนนำ 2 แต้ม การเสิร์ฟแบบตีต่ำและต้องเสิร์ฟข้ามตาข่ายไปยังอีกฝั่งในแนวทแยง และลูกต้องเด้งหนึ่งครั้งก่อนตอบโต้ในแต่ละฝั่งในช่วงสองลูกแรกของเกม ที่สำคัญห้ามตีลูกวอลเลย์ในเขต "คิทเช่น" (Kitchen) เพื่อความปลอดภัยและเพิ่มความยุติธรรมในการเล่นใกล้ตาข่าย
สรุปคือ ทั้งสองกีฬาสนุก เล่นง่าย แต่ สไตล์และกติกาแตกต่างกันชัดเจน เลือกเล่นตามความชอบได้เลย