บินลัดฟ้าไปสู่แดนมังกรเป็นที่เรียบร้อย สำหรับทัพจอมเตะทีมชาติไทย เพื่อลุยศึกเทควันโดชิงแชมป์โลก 2025 (เวิลด์เทควันโดแชมเปี้ยนชิพ 2025) ที่เมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซู สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 24-30 ตุลาคม 68
สำหรับจอมเตะไทย ที่เข้าร่วมศึกใหญ่หนนี้มี 10 คนด้วยกัน แบ่งเป็นนักกีฬาชาย 5 คน ได้แก่ "อาร์มี่" วิศวกร ใจชู รุ่นฟินเวต 54 กก.ชาย, "ฟาอีส" สิรวิชญ์ มะหะหมัด รุ่นฟลายเวต 58 กก.ชาย, "บอส" นภัทร ศรีติมงคล รุ่นแบนตั้มเวต 63 กก.ชาย , "หยู" บัลลังก์ ทับทิมแดง รุ่นเฟเธอร์เวต 68 กก.ชาย และ "ไออ้อน" กฤตยชญ์ พร้อมปัจจุ ไลท์เวต 74 กก.ชาย
และหญิงอีก 5 คนประกอบด้วย "อิม" พัชรกัญจน์ พูลเกิด รุ่นฟินเวต 46 กก.หญิง, "กีตาร์" กมลชนก สีเคน รุ่นฟลายเวต 49 กก.หญิง, "แนท" ชุติกาญจน์ จงกลรัตนวัฒนา รุ่นแบนตั้มเวต 53 กก.หญิง, "นก" พรรณนภา หาญสุจินต์ รุ่นเฟเธอร์เวต 57 กก.หญิง และ "ใบเตย" ศศิกานต์ ทองจันทร์ ไลท์เวต 62 กก.หญิง
โดยมี "โค้ชเช" ชัชชัย เช หัวหน้าผู้ฝึกสอน, "โค้ชชิต" วิชิต สิทธิกัณฑ์ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน และ "โค้ชแม็ก" ร.ต.อ.ชัชวาล ขาวละออ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน คุมทัพไปทำศึก
สำหรับเทควันโดชิงแชมป์โลกในครั้งนี้ จะเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี หรือตั้งแต่ปี 2013 ที่ทีมจอมเตะไทยจะไร้ชื่อ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ร่วมทัพไปทำศึกด้วย
และตลอดศึกชิงแชมป์โลก 5 ครั้งที่ผ่านมา จอมเตะดีกรี 2 เหรียญทองโอลิมปิกผู้นี้ สร้างผลงานได้อย่างยิ่งใหญ่ให้กับทัพเทควันโดไทย ด้วยการมีเหรียญติดมือกลับมาทุกครั้ง
ไล่ตั้งแต่การคว้าเหรียญทองชิงแชมป์โลก 2015 ที่เมืองเชเลียบินสค์ ประเทศรัสเซีย ในรุ่นฟินเวต 46 กก.หญิง, คว้าเหรียญเงินชิงแชมป์โลก 2017 ที่เมืองมูจู ประเทศเกาหลีใต้ ในรุ่นฟลายเวต 49 กก.หญิง, คว้าเหรียญทองชิงแชมป์โลก 2019 ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ในรุ่นฟลายเวต 49 กก.หญิง, คว้าเหรียญทองแดงชิงแชมป์โลก 2022 ที่นครกัวดาลาฮารา ประเทศเม็กซิโกในรุ่นฟลายเวต 49 กก.หญิง และคว้าเหรียญเงินชิงแชมป์โลก 2023 ที่กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ในรุ่นฟลายเวต 49 กก.หญิง
เรียกได้ว่าเธอทำผลงานไปทั้งสิ้น 2 เหรียญทอง, 2 เหรียญเงิน กับอีก 1 เหรียญทองแดงเลยทีเดียว ในการลงประลองเพลงเตะในศึกชิงแชมป์โลก 5 ครั้ง นับเป็นจอมเตะไทยที่ทำผลงานดีที่สุดในรายการเวิลด์แชมเปี้ยนชิพ
อย่างไรก็ตาม จากการที่ พาณิภัค ได้ประกาศเลิกเล่นเทควันโดไปแล้ว หลังคว้าเหรียญทองโอลิมปิกสมัยที่ 2 ใน "ปารีสเกมส์" เมื่อปีก่อน
จึงทำให้แฟนกีฬาชาวไทยจำนวนไม่น้อย ต่างกังวลอย่างยิ่งว่า เมื่อไร้เงาเธอไปทำศึก ทัพจอมเตะแห่งแดนสยามจะทำผลงานได้ดีเพียงใด ในศึกชิงแชมป์โลก ซึ่งถือเป็นรายการที่ใหญ่ที่สุดของโลกทัวร์นาเมนต์หนึ่ง เทียบเท่ากับโอลิมปิกเกมส์
และนักกีฬาที่ได้รับการโฟกัสมากที่สุด คงหนีไม่พ้น "กีตาร์" กมลชนก สีเคน ที่จะได้ลงแข่งขันในรุ่นฟลายเวต 49 กก.หญิงในศึกชิงแชมป์โลกหนนี้
นับตั้งแต่ "เล็ก" ชนาธิป ซ้อนขำ ประกาศเลิกเล่นหลังคว้าเหรียญทองในรุ่นฟลายเวต 49 กก.หญิง ในกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 17 ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2014 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พาณิภัค ได้ขึ้นมาเล่นรุ่น 49 กก.หญิง มาโดยตลอด มีหลายคนที่พยายามขึ้นมาเบียดแต่ก็ทำไม่สำเร็จ
เรียกได้ว่า ตั้งแต่ปี 2014-2024 "น้องเทนนิส" คือเบอร์ 1 ในรุ่นฟลายเวต 49 กก.หญิงแบบผูกขาด จนเป็นตัวแทนทีมชาติไทยไปแข่งขันในรายการสำคัญทุกรายการ พร้อมกับไล่ล่าความสำเร็จมาสู่สมาคมกีฬาเทควันโดอย่างไม่ขาดสาย จนขึ้นไปรั้งอันดับ 1 ของโลกในรุ่นนี้อย่างยาวนาน ดั่งที่แฟนกีฬาได้ทราบกันไป
นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้หลายสายตาของแฟนกีฬาทั้งหลาย ได้จับจ้องไปที่ "กีตาร์" กมลชนก สีเคน ผู้ซึ่งจะลงแข่งขันในรุ่น 49 กก.หญิงในศึกชิงแชมป์โลก 2025 ที่กำลังจะอุบัติขึ้น
แม้ในศึกชิงแชมป์โลกหนก่อนที่ประเทศอาเซอร์ไบจานเมื่อปี 2023 เธอจะคว้าเหรียญเงินในรุ่น 46 กก.หญิง แถมเมื่อ 3 เดือนก่อนก็เพิ่งคว้าเหรียญทองแดงในศึกกีฬามหาวิทยาลัยโลก 2025 ที่ประเทศเยอรมนี ในรุ่น 49 กก.หญิง แต่การขึ้นมาแทน "เทนนิส" ในรุ่น 49 กก.หญิง มันคือภารกิจที่ยากขึ้น เพราะจะต้องเจอกับแรงกดดันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แถมยังจะต้องดวลกับคู่แข่งที่มีรูปร่างสูงยาวกว่าในรุ่น 46 กก.หญิงอีกด้วย
การที่ พาณิภัค สร้างมาตรฐานไว้สูงลิ่ว จึงมิใช่เรื่องง่ายที่ผู้มาแทนจะรักษาผลงานได้ดีเหมือนดั่งที่เธอเคยทำ
เชื่อว่า "โค้ชเช" กับทีมงานผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย คงจะหาวิธีรับมือกับเรื่องนี้ ไว้ให้กับ "กีตาร์" กมลชนก สีเคน เป็นที่เรียบร้อย