เปิดดราม่าเซปักตะกร้อ นักเรียนไทยลุยอาเซียนสกูลเกมส์ 2025 หลังเลือก “โค้ชเหน่ง-โค้ชปอง” คุมทัพแทนอาจารย์โรงเรียน จุดชนวนเสียงวิจารณ์เรื่องความเหมาะสม แม้มีเหตุผลป้องกันการเลือกเด็กในสังกัดตัวเอง
สืบเนื่องจากกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ทำการประกาศรายชื่อนักกีฬา 8 ชนิด ที่จะเป็นตัวแทนทีมนักเรียนไทย ไปแข่งขันกีฬาโรงเรียนอาเซียนครั้งที่ 14 หรืออาเซียนสกูลเกมส์ 2025 ที่กรุงบันดาเสรีเบกาวัน ประเทศบรูไนดารุสซาลาม ระหว่างวันที่ 20-29 พฤศจิกายน 68
การประกาศรายชื่อครั้งนี้ กรมพลศึกษาได้เปิดโอกาสให้นักกีฬาแต่ละโรงเรียนได้แสดงความสามารถผ่านการแข่งขันรายการต่างๆที่กรมพละฯหรือสมาคมกีฬาชนิดนั้นๆให้การรับรอง พร้อมกับประกาศรายชื่อนักกีฬาทั้งตัวจริงและตัวสำรองเมื่อวันที่ 1 ต.ค.68 ที่ผ่านมา ผ่านทางเฟสบุ๊กแฟนเพจของกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และให้นักกีฬาที่มีรายชื่อ มารายงานตัวเพื่อเก็บตัวฝึกซ้อมในวันที่ 18 ต.ค.68
สำหรับ 8 ชนิดกีฬาดังกล่าว ประกอบด้วย กรีฑา, เซปักตะกร้อ, เนตบอล, บาสเกตบอล, แบดมินตัน, ปันจักสีลัต และวูซู
แต่กีฬาที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดชนิดหนึ่ง หลังประกาศรายชื่อออกมา จนกลายเป็นเรื่องดราม่า ก็คือเซปักตะกร้อ ซึ่งมีแข่งเฉพาะทีมชาย โดยเรื่องดราม่าที่ว่า ไม่เกี่ยวกับรายชื่อนักกีฬาที่ผ่านการคัดเลือกแต่อย่างใด ทว่าเกี่ยวข้องผู้ฝึกสอน ที่จะทำหน้าที่คุมทัพไปร่วมแข่งขัน
ก่อนอื่น ไปดูรายชื่อนักกีฬาเซปักตะกร้อกันก่อน โดยมี 24 คนด้วยกัน แบ่งเป็นตัวจริง 12 คนและตัวสำรองอีก 12 คน โดยมีดังนี้
เริ่มจากรายชื่อตัวจริง ภัทรชัย เลิศศิริ (โรงเรียนกีฬาจังหวัดชลบุรี), อนุภัทร ใจเป็น (โรงเรียนกีฬาจังหวัดชลบุรี), นนทนันท์ สมบัติหลาย (โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี), พศวัต สมตร(โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี), ชนาภัทร โส๊ะขาว (โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม), ณัฐภัทร บู่สามสาย (โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม), เดชา ยิ้มเจริญ (โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม), เมธาวัฒน์ ร่วมชาติ (โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม), วรีภัทร เทียมขุนทด (โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครปฐม), จักรกิตต์ ปรีผ่อง (โรงเรียนท่าขอนยางพิทยาคม), ศราวุท ผลรุ่ง (โรงเรียนท่าขอนยางพิทยาคม) และ ยศภัทร ชัยภูธร (โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา)
ส่วนรายชื่อตัวสำรองได้แก่ รภีภัทร ทองสาย (โรงเรียนกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช), เอกลักษณ์ จันทร์บูชา (โรงเรียนโพธินิมิตรวิทยาคม), อาชวิน เนื่องชุมพล (โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครราชสีมา), ณัฏพงศ์ ทาแก้ง (โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา), กิตติพงศ์ พลหาญ (โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี), วรัญญู ไตร่ถิ่น(โรงเรียนวิชูทิศ), อนุวัฒน์ จินดาคำ (โรงเรียนกีฬาจังหวัดลำปาง), นิติสิทธิ์ วิวัฒนาการ (โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครราชสีมา), ศราวุฒ หนูแก้ว (โรงเรียนอุบลรัตน์ราชกัญญาราชวิทยาลัยพัทลุง), ก้องภพ ภารเจิม (โรงเรียนท่าขอนยางพิทยาคม), วัชพล คำแก้ว(โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี) และ วัทธกร สารโท (โรงเรียนกีฬาจังหวัดชลบุรี)
หลังจาก 24 รายชื่อนักกีฬาทั้งตัวจริงและตัวสำรองถูกประกาศออกมา ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันบ้าง ตามความเห็นที่แตกต่างของบรรดาแฟนตะกร้อทั้งหลาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเปิดเผย 2 ผู้ฝึกสอนที่จะทำหน้าที่คุมทัพไปทำศึกหนนี้ อันประกอบด้วย "โค้ชเหน่ง" นฤชิต กาฬจันทร์ กับ "โค้ชปอง" ร.ต.อ.ตรีพงษ์ ระวังภัย กลับเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากกว่า ถึงความเหมาะสมกับถูกเลือกให้รับตำแหน่งนี้
เนื่องจากมุมมองของคนในวงการหวายไทย ต่างมีความเห็นว่า ควรใช้โค้ชที่เป็นอาจารย์สอนตะกร้อนักเรียนในรั้วโรงเรียนมากกว่า เพราะคลุกคลีกับนักตะกร้อขาสั้นเป็นอย่างดี ย่อมรู้ดีว่านักกีฬาระดับเยาวชนแต่ละคนมีทักษะและความสามารถเป็นอย่างไร
ตรงกันข้ามกับ "โค้ชเหน่ง" นฤชิต กาฬจันทร์ ที่โค้ชตะกร้อให้กับมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติศรีสะเกษ กับ "โค้ชปอง" ร.ต.อ.ตรีพงษ์ ระวังภัย อดีตตัวฟาดทีมชาติไทย ที่เป็นทั้งนักกีฬาและผู้ฝึกสอนให้กับสโมสรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย่อมรู้ข้อมูลนักตะกร้อนักเรียนที่น้อยกว่าอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ก็มีเสียงจากวงในเล็ดลอดออกมาว่า การที่ทัพเซปักตะกร้อชุดนักเรียนอาเซียน เลือกใช้โค้ชเหน่งกับโค้ชปอง เป็นเพราะต้องการแก้ปัญหาการเลือกเอาแต่เด็กตัวเอง
หากให้โค้ชโรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่งมาคุมทัพ ก็มักจะเลือกแต่เด็กในสังกัดโรงเรียนที่ตัวเองดูแลลงแข่ง และเมินเลือกใช้นักกีฬาจากโรงเรียนอื่น
เรียกได้ว่าต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตัวเอง จึงขึ้นอยู่กับว่า เมื่อไปทำศึกโรงเรียนอาเซียนหนนี้ที่บรูไน ผลการแข่งขันที่ออกมาจะเป็นเช่นไร
ถ้าได้แชมป์กลับมา ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากผลการแข่งขันเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่เหรียญทอง ประเด็นดราม่านี้ จะถูกขุดออกมาพูดถึงอีกครั้ง