เปิดลิสต์ 5 รองเท้าวิ่งสำหรับนักวิ่งมือใหม่ ทั้ง Asics, Nike, Adidas, Hoka และ New Balance ที่คัดมาแล้วว่าคุ้มค่า ใส่สบาย ใช้งานได้จริง
ปัจจุบันการวิ่งกลายเป็นเหมือนวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่มมีทั้งชมรมวิ่ง, สไตล์การแต่งตัวแนวสตรีทของนักวิ่ง ไปจนถึงอุปกรณ์ราคาแพงๆ สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเรื่องจำเป็นและค่านิยมสำหรับนักวิ่งทุกเพศทุกวัย
จริงๆ แล้วหากมองจากพื้นฐานหลักของการวิ่งนั่นก็คือ รองเท้าวิ่ง ดังนั้นสำหรับมือใหม่ควรจะมีรองเท้าวิ่งดีๆ สักคู่ เพื่อที่จะทำให้การวิ่งมีความสุข และสร้างสมรรถภาพให้กับร่างกาย เพื่อจะก้าวไปสู่การเป็นนักวิ่งที่เก่งขึ้น
ตอนนี้มีรองเท้าวิ่งให้เลือกมากมาย แต่สำหรับมือใหม่จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องเลือกรองเท้าวิ่งที่แพงที่สุดหรือไฮเทคที่สุด สิ่งที่ควรมองหาคือรองเท้าที่ เชื่อถือได้ ใช้งานได้หลากหลาย และใส่สบาย เพื่อให้คุณสนุกกับการวิ่งประจำวัน
นี่คือเหตุผลในการเลือกรองเท้าวิ่งโดยพิจารณาจากองค์ประกอบของนักวิ่งแต่ละคน ส่วนจะมีอะไรบ้างไปพิจารณากันได้เลย
1. ครบเครื่องที่สุด : เอสิคส์ โนวาบลาสท์ 5 (Asics Novablast 5)
สำหรับ โนวาบลาสท์ ไฟฟ์ เป็นรองเท้าวิ่งที่สมดุล และสามารถวิ่งได้ดีในทุกความเร็ว แผ่นรองเท้าให้ความรู้สึกนุ่มสบาย และยังมีดีไซส์รูปลักษณ์ของพื้นรองเท้าชั้นกลางทรงเรขาคณิตอันเป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้โฟมยังมีการตอบสนองดี ทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉงในทุกย่างก้าว ขณะที่วิ่งวอร์มก็ให้ความรู้สึกสบาย แต่เมื่อเริ่มวิ่งเร็วรองเท้าก็ตอบสนองด้วยพลังที่น่าประทับจ ส่วนบริเวณอัปเปอร์ (ส่วนผ้าด้านบน) มีน้ำหนักเบา และระบายอากาศได้ดี นอกจากนี้ลิ้นรองเท้ายังบางและยืดหยุ่น ทำให้เข้ากับเท้าได้อย่างพอดีโดยไม่หนาจนดูเทอะทะ
นอกจากนี้ โนวาบาสท์ ไฟฟ์ ให้ความรู้สึกมั่นคงเพราะมีฐานกว้างเป็นพิเศษ แม้จะไม่หวือหวาหรือรวดเร็ว แต่เป็นรองเท้าที่ใช้งานได้ดีจริงๆ ขณะเดียวกันยังสามารถใส่เข้ายิมเพื่อทำท่ากอบเล็ต สควอท (Goblet Squat) และ รีเวิร์ส ลันจ์ (Reverse Lunges) ได้ แน่นอนว่ารองเท้าวิ่งไม่เหมาะที่จะใช้เพื่อเข้ายิมยกน้ำหนัก แต่บางครั้งก็สามารถนำมาใช้ได้ เพราะมันให้ความรู้สึกที่มั่นคง และรองรับได้ดี
ส่วนข้อเสียหากมองแบบกว้างๆ น่าจะเป็นเรื่องการยึดเกาะพื้น เพราะหากวิ่งในวันฝนตกพื้นรองเท้าจะลื่น ดังนั้นถ้าหากต้องวิ่งบนพื้นที่เปียกบ่อยๆ อาจต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่สำหรับรุ่นนี้ แต่ถ้าเน้นวิ่งบนพื้นแห้ง รองเท้ารุ่นนี้สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
2. ราคาคุ้มค่าตามงบ : ไนกี้ เพกาซัส 41 (Nike Pegasus 41)
ไนกี้ เพกาซัส เปรียบเสมือนโตโยต้า โคโรลล่า แห่งรองเท้าวิ่ง คุณจะเห็นรองเท้ารุ่นนี้ทุกหนทุกแห่ง เพราะเป็นรองเท้าที่ใช้งานได้ดี และดูเท่มีสไตล์ สำหรับรองเท้ารุ่นนี้ให้ความรู้สึกเหมือนต้นแบบของรองเท้าวิ่งคลาสสิค นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนมักกลับมาซื้อรุ่นนี้ทุกปี
ปัจจุบัน ไนกี้ เพกาซัส เข้าสู่รุ่น 41 แล้ว นี่คือรองเท้าวิ่งมินิมอลที่ผ่านการพิสูจน์ตามกาลเวลามาแล้วว่าได้ผลดี แผ่นรองเท้าระดับกลาง เข้ากับรูปเท้าได้พอดี และให้ความนุ่มนวลในการวิ่งที่สม่ำเสมอ แต่ไม่ได้มีความพิเศษมากนัก
รองเท้ารุ่นนี้สามารถวิ่งบนลู่วิ่ง, วิ่งบนถนนระยะไกล และวิ่งได้ทุกระยะทาง ที่สำคัญเป็นรองเท้าที่ใช้งานง่าย และเชื่อถือได้ ราคาก็ไม่แพง ที่สำคัญยังทนทานเหมาะสำหรับฝึกวิ่งทุกวัน และเหมาะกับการวิ่งเกือบทุกประเภท แม้จะไม่ได้รองรับแรงกระแทกได้เหมือนกับรองเท้ารุ่นใหม่ๆ บางรุ่น แต่ถ้าอยากได้รองเท้าวิ่งคู่เดียวที่ใช้งานด้านนานๆ แนะนำ ไนกี้ เพกาซัส บอกเลยคุ้มค่าตามงบประมาณ
3. เหมาะที่สุดสำหรับวิ่งแข่ง : อาดิดาส อาดิซีโร่ อีโว่ เอสแอล (Adidas Adizero EVO SL)
หากมีเป้าหมายที่จะวิ่งเข้าเส้นชัยในการวิ่ง 5 กิโลเมตรหรือมาราธอนแรก คุณไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินซื้อรองเท้าวิ่งที่มีแผ่นคาร์บอนสุดแพง โดย อาดิดาส อาดิซีโร่ อีโว่ เอสแอล เป็นรองเท้าซ้อมวิ่งได้ทุกวันซึ่งให้ความกระฉับกระเฉงและทนทาน ไม่พังหลังจากผ่านการวิ่งไปแล้วกว่า 160 กิโลเมตร ฉะนั้นนี่คือตัวเลือกที่ดีเยี่ยม
ด้วยการที่มีน้ำหนักเพียง 8 ออนไซ์ หรือประมาณ 0.226 กิโลกรัม ทำให้รู้สึกเบาเหมือนไม่ได้ใส่อะไรอยู่ที่เท้า โฟมที่ อาดิดาส นำมาใช้สำหรับรองเท้ารุ่นนี้มีความเด้ง และสนุกเวลาที่ทำความเร็ว แต่รองรับแรงกระแทกได้ดีพอสมควรทำให้คุณรู้สึกสดชื่อแม้จะวิ่งระยะไกลแบบต่อเนื่องก็ตาม
มีหลายคนที่นำรองเท้ารุ่นนี้เพื่อใช้ในการซ้อมวิ่งมาราธอน และไม่ต้องเจอกับอาการปวดที่สะโพกหรือข้อเท้าซึ่งมักจะเกิดขึ้นเวลาที่ซ้อมวิ่งหนักๆ จุดเด่นที่ลืมไม่ได้เลยก็คือเรื่องความทนทาน และสวมใส่สบายเป็นเวลานานๆ นอกจากนี้ยังให้ความรู้สึกคล่องตัวในสไตล์ "รองเท้าสำหรับแข่ง" แม้จะไม่มีแผ่นคาร์บอนก็ตาม
4. วิ่ง และเดินที่ดีที่สุด : โฮก้า คลิฟตัน 10 (Hoka Clifton 10)
ไม่ใช่รองเท้าวิ่งทุกคู่ที่จะสวมใส่เดินได้ดี บางรุ่นมีโครงสร้างโค้งของพื้นรองเท้าที่ชันมาก ทำให้รู้สึกเหมือนถูกดันไปข้างหน้าเวลาที่วิ่งช้าลง ซึ่งอาจทำให้เสียการทรงตัวหรือรู้สึกไม่สบายเวลาพักหรือเดินเล่น แต่สำหรับ โฮก้า คลิฟตัน เทน สามารถตอบโจทย์ได้ลงตัว โดยแผ่นรองเท้านุ่มพอสำหรับวิ่งระยะไกล แต่ยังคงมั่นคงและสบายพอที่จะใส่ทำธุระหรือเดินระยะยาว
การวิ่งสบายๆ สลับกับเดินไปเรื่อยๆ เป็นเวลานานๆ ผู้ที่สวมใส่รองเท้ารุ่นนี้จะไม่รู้สึกเมื่อยเท้าเหมือนกับรองเท้าวิ่งบางรุ่นที่มีแผ่นรองหนาแต่ไม่มั่นคง แน่นอนว่าการมีฐานรองเท้ากว้างทำให้ทรงตัวได้ดี นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างเบาทำให้ไม่รู้สึกหนาเทอะทะ
ถ้าหากคุณเป็นมือใหม่ที่กำลังเริ่มสนใจการวิ่งและอาจจะวิ่งผสมเดินสลับกันไปเรื่อยๆ หรือต้องการรองเท้าสักคู่ที่ใส่ได้ตั้งแต่การออกกำลังกายไปจนถึงการใส่เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน คลิฟตัน เทน ถือเป็นตัวเลือกน่าสนใจมาก
5. รองรับแรงกระแทกสูงสุด : นิว บาลานซ์ เฟช โฟม 1080 v 14 (New Balance Fresh Foam 1080 v14)
หากเน้นความสบายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด นิว บาลานซ์ เฟช โฟม 1080 v 14 เป็นรองเท้าลำดับต้นๆ ที่คุณต้องสนใจ โดยรุ่นก่อนหน้านี้มีความนุ่มฟูเกินไป ซึ่งนุ่มแบบนี้สำหรับนักวิ่งบางคนโดยเฉพาะเวลาวิ่งระยะไกลอาจรู้สึกไม่มั่นคงเมื่อต้องเลี้ยวโค้ง หรือก้าวบนพื้นที่ไม่เรียบ สำหรับรุ่น "v 14" แก้ปัญหาดังกล่าวหมดเลย พร้อมกับมีแผ่นรองเท้าที่นุ่มแบบรองรับแรงกระแทกสูงสุด แต่มีความแน่น และไม่รู้สึกเหมือนจมเกินไปเวลาวิ่ง
หลายคนที่มีโอกาสได้ทดลองใส่รองเท้ารุ่นนี้วิ่งหลายครั้ง และได้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจน โดยให้ความนุ่มแต่ไม่ย้วย และรูปทรงที่โค้งของพื้นรองเท้าช่วยให้ก้าวไปข้างหน้าได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องออกแรงมาก
ส่วนอัปเปอร์แบบถักยืดรอบเท้าเหมือนถุงเท้าและมีแผ่นรองเท้ามากกว่ารุ่นอื่นๆ ขณะที่บริเวณส่วนส้นรองเท้ามีโครงสร้างเพียงพอให้ล็อกเท้าโดยไม่บีบรัด นักวิ่งมือใหม่ที่ต้องการรองเท้าที่สบายต่อข้อเท้า หรือผู้ที่วางแผนอยากเพิ่มระยะวิ่งอย่างรวดเร็ว จะชื่นชอบความนุ่มสบายของรุ่นนี้
ทั้งนี้อาจจะมีปัจจัยอื่นๆ สำหรับการเลือกรองเท้าวิ่งสำหรับนักวิ่งมือใหม่ และอาจจะมีตัวเลือกที่น่าสนใจมากกว่า ดังนั้นสิ่งสำคัญก็คือต้องไปลองก่อน แล้วจึงค่อยตัดสินใจว่าคู่ไหนเหมาะกับเราที่สุด