เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2568 ทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ออกมาชี้แจงถึงกรณีที่เกิดปัญหาการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาล่าช้า โดยระบุว่า ต้นตอปัญหาอยู่ที่งบประมาณที่มีศักยภาพจำกัด และการวางแผนการเงินในระยะยาวไม่เป็นไปตามเป้า
ปีงบประมาณ 2568 กองทุนฯ ได้รับจัดสรรก้อนแรก 248 ล้านบาท สำหรับการเก็บตัวฝึกซ้อมนักกีฬา แต่ถูกใช้หมดตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ต่อมาจึงขอวงเงินเพิ่มเติมอีก 310 ล้านบาทจากกรมบัญชีกลาง และได้รับอนุมัติเมื่อ 20 ส.ค. ทำให้สามารถจ่ายให้แก่นักกีฬาได้ตั้งแต่ 22 ส.ค. เป็นต้นมา
“ความล่าช้าไม่ได้เกิดจากระบบจ่ายเงิน แต่เกิดจากข้อจำกัดทางงบประมาณ เราได้รับเงินเพิ่ม 310 ล้านบาท ซึ่งก็จะหมดภายในสิ้นเดือนสิงหาคม ขณะที่ในเดือนกันยายนต้องจัดหาแหล่งเงินใหม่ราว 200 ล้านบาท สำหรับเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาที่เก็บตัวลุยซีเกมส์” ทนุเกียรติ กล่าว
สำหรับปีงบประมาณ 2569 กองทุนฯ ต้องเตรียมเงินรางวัลให้กับนักกีฬาในมหกรรมซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ รวมกว่า 1,200 ล้านบาท โดยมีแผนรองรับแล้วภายใต้งบรวมราว 4,000 ล้านบาทต่อปี หากยังไม่เพียงพอ จะพิจารณาขอเพิ่มจาก งบกลาง ครม. หรือจัดหาแหล่งทุนจากภาคเอกชนเพิ่มเติม
ส่วนกระแสข่าวการเพิ่มเงินรางวัลซีเกมส์จากเดิม (ทอง 300,000 บาท, เงิน 100,000 บาท, ทองแดง 75,000 บาท) นั้น ผู้จัดการกองทุนฯ ระบุว่าเป็นแนวคิดที่รัฐมนตรีกีฬาเห็นด้วย แต่ต้องรอดูแหล่งเงินเพิ่มราว 600 ล้านบาทก่อนเสนอ ครม.
ขณะเดียวกัน ทนุเกียรติ ยอมรับว่า การทำงานภายในกองทุนฯ ยังมีจุดบกพร่อง โดยเฉพาะระบบพิจารณาคำขอสนับสนุนงบประมาณ เนื่องจากปี 2569 มีคำขอมากกว่า 3,000 โครงการ รวมวงเงินกว่า 12,000 ล้านบาท แต่กองทุนฯ มีศักยภาพราว 4,130 ล้านบาทเท่านั้น จึงถูกวิจารณ์ว่าจัดสรรไม่เป็นธรรม และอยู่ระหว่างปรับปรุงระบบเพื่อให้โปร่งใสและทั่วถึงมากขึ้น
ท้ายสุด ผู้จัดการกองทุนฯ ยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจะไม่กระทบต่อการทำงาน เนื่องจากกรอบงบประมาณปี 2569 ได้ผ่านความเห็นชอบแล้ว และการดำเนินงานของกองทุนฯ จะเป็นไปตามแผนพัฒนากีฬาแห่งชาติและนโยบายของรัฐบาลทุกประการ
