ซีเกมส์ 2025 โยกเปิดสนามราชมังฯ แทนสนามหลวง เหตุห่วงความปลอดภัยนักกีฬา

เมื่อช่วงเย็นวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขัน กีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม 2568 และ กีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-26 มกราคม 2569

ที่ประชุมมีมติให้เปลี่ยนสถานที่จัดพิธีเปิดซีเกมส์จาก สนามหลวง มาเป็น สนามราชมังคลากีฬาสถาน เนื่องจากกังวลด้านความปลอดภัยของคณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากทุกชาติที่เข้าร่วม โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์ระหว่างประเทศมีความตึงเครียด ซึ่งฝ่ายจัดการแข่งขันเห็นว่า ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูงสุด ขณะที่สนามหลวงจะยังคงถูกใช้เป็นสถานที่ จุดไฟคบเพลิง สำหรับพิธีเปิดเช่นเดิม

ขณะเดียวกัน กีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ จังหวัดนครราชสีมา มีมติให้ใช้ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 เป็นสถานที่จัดพิธีเปิดและปิด โดยจะใช้ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เป็นสถานที่จุดไฟคบเพลิงแทน

สำหรับประเด็นการมีส่วนร่วมของ ทีมชาติกัมพูชา ที่อยู่ระหว่างข้อกังวลเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางมาร่วมแข่งขันที่ไทย คณะกรรมการได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง มนตรีซีเกมส์ เพื่อแจ้งข้อห่วงใยดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศแนะนำให้รอผลการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ระหว่างไทย-กัมพูชา ก่อนพิจารณาความคืบหน้าเพิ่มเติม

ในส่วนของปัญหาเรื่อง เบี้ยเลี้ยงนักกีฬาซีเกมส์ 2025 ที่หลายสมาคมยังไม่ได้รับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม นายสรวงศ์ เทียนทอง ระบุว่า ได้หารือร่วมกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย รวมถึงผู้ว่าการ กกท. และผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติแล้ว โดยเสนอแนวทางแก้ปัญหาเบื้องต้นให้ สมาคมกีฬาที่ได้รับผลกระทบ เร่งส่งเอกสารเบิกจ่ายงบประมาณงวดที่ 1 ที่รัฐบาลได้อนุมัติไว้จำนวน 248,520,000 บาท ซึ่งสิ้นสุดการเก็บตัวตั้งแต่ 30 เมษายน 2568 คิดเป็นยอดเบิกจ่ายรวม 55,032,717.41 บาท

สำหรับงบประมาณเพิ่มเติมในรอบถัดไป คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติได้อนุมัติวงเงินรวม 310,980,975.63 บาท เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 เพื่อเตรียมความพร้อมนักกีฬาซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ โดยแบ่งเป็น:

1. เร่งจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายในกรอบงบฯ ให้ครอบคลุมถึงเดือนกันยายน 2568

2. หากงบไม่เพียงพอ ให้ กกท. ปรับใช้งบประมาณคงเหลือปี 2568 โดยต้องมีแหล่งที่มาและแผนตัดจ่ายที่ชัดเจน

ทั้งนี้ ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รับเอกสารจากฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้อง ก่อนส่งเรื่องให้ ผู้ว่าการ กกท. และ กรมบัญชีกลาง พิจารณาอนุมัติโดยเร็ว เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจของนักกีฬาในการเตรียมความพร้อมสู่ซีเกมส์ปลายปีนี้

กระทรวงฯ ยืนยัน พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันผลักดันและพัฒนาวงการกีฬาไทยอย่างยั่งยืน