กกท. จับมือ 20 พันธมิตร ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย

 เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent – LOI) ระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และพันธมิตรภาครัฐและเอกชนรวม 20 หน่วยงาน เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยสู่เป้าหมาย Sustainable Tourism Goals (STGs) ภายในปี 2030 ผ่านแนวทางโครงการ Shape Supply โดยมีการใช้กีฬาเป็นกลไกสำคัญ

 การลงนามในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) นำโดย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท., พร้อมด้วยผู้บริหาร ททท. และตัวแทนจากหน่วยงานพันธมิตร เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท., นางโปรดปราน สมานมิตร รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย, นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายส่งเสริมกีฬา และ นายธัชนาถ ทองประกอบ รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายยุทธศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ

 นายสรวงศ์ เทียนทอง กล่าวว่า "รัฐบาลให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยวควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม โดยความร่วมมือในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินหน้าสู่เป้าหมาย STGs 2030 อย่างเป็นรูปธรรม"

 ในช่วงปี 2568 – 2570 โครงการนี้จะเน้นการบูรณาการความร่วมมือจากหลายภาคส่วนเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและชุมชนทั่วประเทศ ผ่านมาตรฐานความยั่งยืน เช่น STGs STAR, CF-Hotels, TTA, Green Hotel Plus และ THAILAND GREEN PLAN 2030 พร้อมยกระดับสู่มาตรฐานสากล

 ภายหลังพิธีลงนาม ยังมีการแถลงทิศทางการดำเนินงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประจำปี 2568 โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธาน ร่วมด้วยรัฐมนตรี ผู้บริหารระดับสูง และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง

 นายสรวงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลได้อนุมัติงบกลางกว่า 4,518 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวผ่าน 22 โครงการหลักในปี 2568 ภายใต้แนวคิด 5 New Paradigm ได้แก่

New Customer

New Product

New Partnerships

New Marketing Strategy

New Key Performance Indicator

 โดยหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักคือการใช้ Sport Tourism เป็นแรงขับเคลื่อน อาทิ การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก FIVB 2025 ระหว่าง 22 ส.ค. -7 ก.ย. 2568 และ ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ระหว่าง 9-20 ธ.ค. 2568 เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ สร้างรายได้ กระจายโอกาส และเผยแพร่เสน่ห์ไทยสู่สายตาชาวโลก

 ทั้งนี้ คณะผู้บริหารยังได้เยี่ยมชมบูธนิทรรศการกีฬานานาชาติที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ ซึ่งสะท้อนความพร้อมในการจัดงานระดับโลก และความตั้งใจผลักดันอุตสาหกรรมกีฬาให้เป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจชาติอย่างยั่งยืน