รัฐบาลไทยเดินหน้าโครงการ Domestic Power 2024-2025 ส่งเสริมและยกระดับความสามารถของนักกีฬาไทยอย่างเต็มระบบและครบวงจร เพื่อเป้าหมายผลักดันวงการกีฬาไทยและนักกีฬาไทยสู่เวทีโลก พร้อมตั้งเป้าหมายเป็นอันดับ 1 ในอาเซียน และติดท็อป 6 ของเอเชีย ในการแข่งขันมหกรรมกีฬานานาชาติ โดยเริ่มนำร่อง 8 กีฬา ประกอบด้วย ฟุตบอล, ฟุตซอล, แบดมินตัน, วอลเลย์บอล, เทควันโด, กอลฟ์, อีสปอร์ต และมวยไทย
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดโครงการส่งเสริมกีฬาที่มีศักยภาพอย่างเต็มระบบครบวงจร Domestic Power 2024-2025 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ ที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึง ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), ผู้บริหารสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย และผู้บริหารสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด เข้าร่วมอย่างคับคั่ง
และยังมีนักกีฬาชื่อดังพาเหรดร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทิ วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักแบดมินตันชายเดี่ยวมือ 1 ของโลก , เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เหรียญทองเทควันโดโอลิมปิก 2. สมัย และ 3 นักวอลเลย์บอลอย่าง "เตย" หัตถยา บำรุงสุข , "บุ๋มบิ๋ม ชัชชุอร โมกศรี , "สอง" วิภาวี ศรีทอง ร่วมงานนี้ด้วย
นางสาวแพทองธาร เผยว่า ที่มาของโครงการ ส่งเสริมกีฬาที่มีศักยภาพอย่างเต็มระบบครบวงจร Domestic Power 2024-2025 สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ในมิติการพัฒนาทุนมนุษย์ผ่านกีฬา เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต เสริมสร้างสุขภาวะ และพัฒนาศักยภาพนักกีฬาไทยให้ก้าวสู่ความเป็นเลิศในระดับนานาชาติ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ร่วมกับสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ได้บูรณาการทำงานร่วมกัน ภายใต้แนวคิด "การพัฒนากีฬาอย่างเป็นระบบและครบวงจร" ซึ่งรัฐบาลไทยมีเป้าหมายในการส่งเสริมนักกีฬาและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยให้ขึ้นสู่ระดับแนวหน้าของเอเชีย โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และติด 1 ใน 6 ของเอเชีย ในการแข่งขันมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ
นางสาวแพทองธาร เผยอีกว่า วัตถุประสงค์หลักของโครงการ คือ การพัฒนาเยาวชนและนักกีฬาที่มีศักยภาพระดับท้องถิ่นสู่ระดับประเทศ และต่อยอดสู่เวทีระดับนานาชาติ พร้อมทั้งสนับสนุนบุคลากรทางการกีฬาในทุกมิติอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งกระบวนการนั้นขับเคลื่อนด้วย 3 ส. คือ 1.ส่งเสริมเยาวชน ด้วยการอบรมและแข่งขัน สร้างโอกาสอย่างทั่วถึงทุกภูมิภาคของประเทศ, 2.สร้างอาชีพ จัดกิจกรรมทั่วประเทศ อบรมผู้ฝึกสอน จัดกิจกรรมพื้นฐานทั่วประเทศ เพื่อยกระดับบุคลากร และ 3.สู่ทีมชาติอย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมกีฬาคัดเลือกผู้มีศักยภาพด้านกีฬา เพื่อมาฝึกซ้อมที่ศูนย์กีฬาแห่งชาติ ซึ่งก็เชื่อว่าจะสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบกีฬาไทยคลอบคลุมตั้งแต่ระดับรากฐานในชุมชน ไปจนถึงระดับอาชีพ และนานาชาติ
"นี่จึงเป็นที่มาที่เราคัดเลือก 8 ชนิดกีฬา ได้แก่ ฟุตบอล, ฟุตซอล, แบดมินตัน, วอลเลย์บอล, เทควันโด, กอลฟ์, อีสปอร์ต และมวยไทย เข้าร่วม ซึ่งที่เลือกทั้ง 8 ชนิดกีฬานี้นำร่อง เพราะเป็นกีฬาที่ได้รับความสนใจจากเยาวชน เป็นกีฬาที่เยาวชนทั่วประเทศเข้าถึงได้ง่าย ขณะเดียวกันระบบฝึกซ้อม ศูนย์ฝึก บุคลากร ความพร้อมของเทคโนโลยี เครื่องมือต่างๆ ก็มีความพร้อมที่โครงการจะสามารถเริ่มและดำเนินการได้ทันที ซึ่งหลังจากนี้เราอาจจะมีการเปิดกว้างให้สมาคมกีฬาต่างๆ ชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคสังคม เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อพัฒนากีฬาอย่างยั่งยืนต่อไปด้วย ซึ่งเราจะร่วมขับเคลื่อนโครงการผ่านระบบการพัฒนากีฬาไทยที่เข้มแข็งและเป็นรูปธรรม ช่างเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความสามารถของนักกีฬา และเป็นพลังสำคัญในการผลักดันประเทศไทย ให้ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค สร้างความภูมิใจให้กับคนไทย สร้างภาพลักษณ์ประเทศ และนำนักกีฬาของไทยสู่ความสำเร็จบนเวทีโลกอย่างมั่นคงและยั่งยืน"
นายกรัฐมนตรี ยังเผยอีกว่า Domestic Power 2024-2025 จะส่งเสริมการกีฬาไทยและนักกีฬาอย่างเต็มที่และเป็นระบบ เพื่อผลักดันนักกีฬาไทยสู่เวทีระดับโลก โดยจะพัฒนาอย่างรอบด้านและครอบคลุม อาทิ การพัฒนาทักษะตั้งแต่ระดับเยาวชน, การสนับสนุนจากรัฐและเอกชน เช่น อุปกรณ์, ทุน, สถานที่ฝึกซ้อม, โค้ช รวมไปถึงการฝึกซ้อมกับผู้เชี่ยวชาญด้วยเทคโนโลยีทันสมัย, การเปิดโอกาสให้นักกีฬาเข้าแข่งขันระดับนานาชาติ, การดูแลสภาวะจิตใจของเยาวชนและนักกีฬาให้มีความเข้มแข็งและมีวินัย, การสนับสนุนจากครอบครัว ชุมชม และสังคม เป็นต้น