โปโลน้ำหญิงทีมชาติไทย เดินหน้าลุ้นแชมป์ 3 สมัยซ้อน ศึกซี เอจ กรุ๊ป 2025 หลังผ่านรอบแรก แต่ดราม่าบังเกิดเมื่อ "โค้ชมุก" สโรชา ริ้วรุจิเรข หัวหน้าผู้ฝึกสอน วิจารณ์การตัดสินของกรรมการเจ้าภาพสิงคโปร์ว่าขาดความเป็นกลาง
การแข่งขันมหกรรมกีฬาทางน้ำเยาวชนชิงแชมป์อาเซียน ครั้งที่ 47 รายการ "ซี อควอติกส์ เอจกรุ๊ป แชมเปี้ยนชิพ 2025" (47th SEA Aquatics Age Group Championships 2025) ระหว่างวันที่ 19-29 มิ.ย.268 ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยมี 4 กีฬา คือ ว่ายน้ำ, กระโดดน้ำ, โปโลน้ำ และ ว่ายน้ำลีลา เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2568 เป็นการแข่งขันโปโลน้ำวันที่สาม ที่ OCBC Aquatic Centre
เกมนี้เป็นนัดสุดท้ายของรอบแรก โดยสาวไทยดีกรีแชมป์เก่า 2 สมัยติดต่อกัน ทำสถิติชนะรวด 2 นัดเก็บ 6 คะแนนเต็ม ลงสนามพบกับ อินโดนีเซีย ที่ชนะ 1 แพ้ 1 มี 3 คะแนน ซึ่ง ไทย การันตีเข้ารอบชิงชนะเลิศแล้ว และคาดว่าจะเจอกับ สิงคโปร์ อย่างไรก็ตามในเกมนี้ทางฝ่ายจัดการแข่งขันส่งกรรมการสิงคโปร์มาตัดสินเกม
ด้าน "โค้ชมุก" สโรชา ริ้วรุจิเรข หัวหน้าผู้ฝึกสอน ตัดสินใจพัก ภัณฑิลา อาสายุทธ์ ผู้รักษาประตูมือ 1 แล้วส่ง ภัทรพีร ศรีดี ผู้รักษาประตูมือ 2 ลงทำหน้าที่เฝ้าเสาแทน ส่วนผู้เล่นคนอื่นๆก็มีการหมุนเวียนเอาดาวรุ่งลงไปเล่นมากขึ้นเพื่อหาประสบการณ์ แม้ว่าจะมีการโรเตชั่นผู้เล่นในเกมนี้ แต่ศักยภาพสาวไทยก็ยังเหนือกว่า อินโดนีเซีย ครองเกมบุกอย่างต่อเนื่องจนเอาชนะไป 26-12 ทำให้จบรอบแรก 3 นัด ไทยเก็บ 9 คะแนนเต็มเข้าไปชิงชนะเลิศในฐานะทีมอันดับ 1 ของตาราง พบกับ สิงคโปร์ ทีมอันดับ 2 ของตาราง ในวันที่ 22 มิ.ย.เวลา 10.00 น.(ตามเวลาไทย)
หลังเกม "โค้ชมุก" สโรชา ริ้วรุจิเรข หัวหน้าผู้ฝึกสอน เปิดเผยว่า วันนี้เราให้โอกาสบรรดาดาวรุ่งลงไปเล่นมากกว่าผู้เล่นตัวหลัก เพื่อเป็นการฝึกน้องๆไปด้วยในเกมนี้ ส่วนอาการบาดเจ็บของภัณฑิลา อาสายุทธ์ ผู้รักษาประตูมือ 1 ก็ไม่ได้ร้ายแรง เพียงแค่อยากให้น้องได้พักในเกมวันนี้ และยังเป็นการกระตุ้นผู้รักษาประตูมือ 2 ด้วย เพราะในอนาคตเขาจะต้องขึ้นมาเป็นผู้นำในแนวรับให้ได้ ซึ่งเกมรอบชิงชนะเลิศนักกีฬาทุกคนมีความพร้อมเป็นอย่างมากและจะต้องป้องกันแชมป์ให้ได้
ขณะที่ในเรื่องการจัดผู้ตัดสินลงทำหน้าที่ในเกมของไทยตั้งแต่แมตช์แรกจนถึงแมตช์สุดท้ายของรอบแรก จนมีประเด็นที่ใช้กรรมการสิงคโปร์ตัดสินเกมไทยกับอินโดนีเซีย ซึ่ง สิงคโปร์ จะเป็นคู่ชิงชนะเลิศกับ ไทย ในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ โดย "โค้ชมุก" ที่ไม่เห็นด้วยตั้งแต่ก่อนแข่งได้ให้ความเห็นว่า เขาทำแบบนี้มาตลอดตั้งแต่ที่ตนเป็นนักกีฬา ปัจจุบันนี้เขาก็ยังทำอยู่ ซึ่งทีมเราก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่ใช่หน้าที่เรา แต่กลับเป็นหน้าที่ของกรรมการฝ่ายไทยที่ส่งมาร่วมทำหน้าที่ไม่ไปจัดการหรือท้วงติงให้กับเรา
"ดังจะเห็นในวันนี้ที่ทีมเราโดนจับฟาวล์เยอะมาก ทั้งๆที่รูปเกมไม่ได้มีอะไร และทุกจังหวะในวันนี้นักกีฬาเราต้องทำให้เคลียร์ 100% แต่เมื่อไรที่เราทำเพียง 80% ก็จะโดนจับผิดทันที ซึ่งตามธรรมชาติของกีฬาจะมีนิดหน่อยเป็นไปตามจังหวะเกม แต่เรานิดหน่อยไม่ได้ ผิดกับเขาที่ทำได้ มันก็อยู่ที่ดุลยพินิจของผู้ตัดสิน และเชื่อว่าในรอบชิงชนะเลิศกับสิงคโปร์ ก็จะมีแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน" สโรชา กล่าว