"แกรนด์สปอร์ต" ต่อสัญญาโอลิมปิกไทยอีก 4 ปี หนุนชุดแข่ง-ทุนฝึกซ้อม มูลค่า 200 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2568 ที่ห้องประชุม คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ บริษัท แกรนด์สปอร์ต จำกัด จัดพิธีลงนามในสัญญาความร่วมมือเพื่อเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการให้กับคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นระยะเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2568-2572 โดยมี ผช.ศ. พิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย เป็นผู้กล่าวถึงความร่วมมือที่สำคัญในครั้งนี้

ผช.พิมล ศรีวิกรม์ กล่าวถึงการสนับสนุนจากแกรนด์สปอร์ตว่า การร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพของนักกีฬาไทย เพื่อให้พร้อมก้าวสู่เวทีการแข่งขันระดับโลก โดยแกรนด์สปอร์ต จะเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทั้งด้านการฝึกซ้อมและการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬา ซึ่งตนขอแสดงความชื่นชม บริษัทแกรนด์สปอร์ต ที่ได้พัฒนาชุดให้นักกีฬาทีมชาติไทยมาอย่างต่อเนื่อง มีความร่วมสมัย ประยุกต์ความเป็นไทยสู่สากล สวยงามและสวมใส่สบายให้แก่นักกีฬาทีมชาติไทยไปแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติทั้งซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ รวมถึงกีฬาโอลิมปิกเกมส์

"เมื่อนักกีฬาทีมชาติไทยได้สวมใส่ชุดแข่งขันของแกรนด์สปอร์ต ก็จะมีความมั่นใจมากขึ้น เพราะมีการออกแบบมาเป็นอย่างดี โดยเฉพาะรูปแบบที่สวยงามสะดุดตาทำให้นักกีฬามีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ทั้งยังเป็นความภูมิใจของนักกีฬาไทยที่ได้สวมใส่ชุดแข่งขัน ชุดฝึกซ้อม และชุดเดินทางของแกรนด์สปอร์ต ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของคนไทยคุณภาพไม่แพ้ชาติใดในโลก"

ด้าน นายธารา พฤกษ์ชะอุ่ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทในเครือแกรนด์สปอร์ต กล่าวถึงความสำคัญของการสนับสนุนในครั้งนี้ว่า ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา แกรนด์สปอร์ตมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ทั้งด้านการออกแบบ การคัดสรรวัตถุดิบในการผลิตชุดกีฬาให้ทัดเทียมสากล เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักกีฬาและเพิ่มประสิทธิภาพในทุกการแข่งขัน รวมทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยนำเสนอความเป็นไทยให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับนานาชาติ ดังเช่นการออกแบบชุดแข่งขันและชุดเดินทางในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 33 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งได้รับคำชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก

"การสนับสนุนครั้งนี้ แกรนด์สปอร์ตให้การสนับสนุนคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เริ่มตั้งแต่ปี 2568-2572 เพื่อใช้สวมใส่ในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติทั้ง 11 รายการแข่งขัน โดยแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ได้แก่ชุดยูนิฟอร์มชุดแข่งขันและทุนฝึกซ้อม มูลค่าไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท"