คอร์ฟบอลไทยเปิดศูนย์ฝึกทีมชาติ ที่“ร่วมฤดี ราชพฤกษ์” ยกระดับสู่เวทีนานาชาติ

คอร์ฟบอลไทยเปิดศูนย์ฝึกทีมชาติ ที่“ร่วมฤดี ราชพฤกษ์” ยกระดับสู่เวทีนานาชาติ
สมาคมกีฬาคอร์ฟบอลแห่งประเทศไทย ผนึกกำลัง โรงเรียนร่วมฤดีวิเทศศึกษา ราชพฤกษ์ และภาคเอกชน เปิดตัวศูนย์ฝึกทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการ มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพเยาวชนสู่เวทีโลก พร้อมเตรียมลุยศึกชิงแชมป์เอเชียที่ประเทศจีน

สมาคมกีฬาคอร์ฟบอลแห่งประเทศไทย ร่วมกับ โรงเรียนร่วมฤดีวิเทศศึกษา ราชพฤกษ์ และ บริษัท ชู้ตอิท จำกัด เปิดตัวศูนย์ฝึกซ้อมและเก็บตัวนักกีฬาคอร์ฟบอลทีมชาติไทย ภายใต้ชื่อ “ไทยแลนด์ คอร์ฟบอล เทรนนิ่ง เซนเตอร์ ร่วมฤดี ราชพฤกษ์” ณ โรงเรียนร่วมฤดีวิเทศศึกษา ราชพฤกษ์ แคมปัส เมื่อเร็วๆ นี้

การจัดตั้งศูนย์ฝึกในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง ดร.สุปราณี ขวัญบุญจันทร์ นายกสมาคมกีฬาคอร์ฟบอลแห่งประเทศไทย, นายจิรพัฒน์ สัจยากร  ผู้จัดการโรงเรียนร่วมฤดีวิเทศศึกษา ราชพฤกษ์ แคมปัส และ ดร.เนตรทราย วงศ์อุปราช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชู้ตอิท จำกัด เพื่อร่วมกันส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนไทยที่มีศักยภาพในการเป็นนักกีฬาทีมชาติ และรองรับการฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องก่อนเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ

ดร.สุปราณี เปิดเผยว่า “การมีศูนย์ฝึกซ้อมอย่างเป็นทางการจะช่วยยกระดับขีดความสามารถของนักกีฬาไทย โดยเฉพาะในการเก็บตัวก่อนลุยศึกชิงแชมป์เอเชียที่จะมีขึ้นที่เมืองเล่อซาน ประเทศจีน ในเดือนกรกฎาคมนี้ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถคว้าเหรียญรางวัลกลับมาฝากคนไทยได้ในทุกชุดการแข่งขัน”

ในโอกาสเดียวกันนี้ ทางสมาคมฯ ยังได้เปิดตัวนักกีฬาคอร์ฟบอลทีมชาติไทยทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุไม่เกิน 14 ปี, 16 ปี และ 19 ปี เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การแข่งขันรายการ“IKF U19/16/14 Korfball Championship 2025”ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14–17 กรกฎาคม 2568 ณ เมืองเล่อซาน สาธารณรัฐประชาชนจีน

ด้าน นายจิรพัฒน์ สัจยากร กล่าวว่า“ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของโรงเรียนในการผลักดันศักยภาพเยาวชนไทยสู่ระดับสูงสุด ทั้งด้านการศึกษาและกีฬา ภายใต้แนวคิด Ad Astra To The Stars & Beyond ซึ่งเราหวังว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของนักกีฬารุ่นใหม่ที่พร้อมก้าวสู่เวทีระดับโลก”

ศูนย์ฝึกแห่งใหม่นี้จะกลายเป็นฐานสำคัญในการพัฒนานักกีฬาคอร์ฟบอลอย่างยั่งยืน และเป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนวงการคอร์ฟบอลไทยให้เติบโตในระดับสากลต่อไป




ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport