เราสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า "เทนนิส" เป็นนักเทควันโดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ตั้งแต่ประเทศไทยเคยมีมา จากผลงานจากการคว้าแชมป์รายการต่างๆทั้งในประเทศ ระดับนานาชาติ และระดับโลก ซึ่งเจ้าตัวกลายมาเป็นตำนานของวงการเทควันโดโลกไปแล้ว จากผลงานตลอด 10 กว่าปีที่สร้างขึ้นมา ก่อนจะประกาศเลิกเล่น

เราก็สามารถพูดได้เต็มปากเช่นกันว่าเจ้าตัวคือนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการกีฬาไทย จากผลงานการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ถึง 2 สมัย ในปี 2021 และ 2024 ซึ่งก็นับเป็นคนแรกของเมืองไทยที่ทำได้ และหากนับเหรียญทองแดง ที่เจ้าตัวทำได้เมื่อปี 2016 ก็ทำให้ "พาณิภัค" เป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่ได้เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ถึง 3 สมัยด้วย

ตลอดเส้นทางการเล่นกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยนับ 13 ปี เจ้าตัวกวาดทุกเกียรติยศในการแข่งขันกีฬาเทควันโดมาครองทุกระดับ เอาเฉพาะที่เด่นๆและเป็นรายการสำคัญ ก็ไล่ตั้งแต่ซีเกมส์ ซึ่งได้เหรียญทอง 4 สมัย ด้วยกัน ในปี 2017, 2019, 2021 และ 2023 นอกจากนี้ได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2 สมัย ปี 2018 และ 2022 รวมถึงยังคว้าแชมป์เอเชีย 2 ครั้ง ในปี 2014 และ 2016

ขณะเดียวกันยังได้แชมป์โลก 2 สมัย ปี 2015 และ 2019 และยังได้แชมป์แกรนด์สแลม อีก 2 ครั้ง ในปี 2018 และ 2019  และยังจารึกชื่อเป็นจอมเตะที่ได้แชมป์เวิลด์กรังด์ปรีซ์สูงสุด 12 สมัย ได้เหรียญทองกีฬามหาวิทยาลัยโลก 3 หน ในปี 2017, 2019 และ 2021 และสร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญรางวัลจากเวทีโอลิมปิกเกมส์ได้ถึง 3 สมัย คือ เหรียญทองแดง ปี 2016

ก่อนมาปลดล็อคเหรียญทองแรกให้ตัวเองและวงการเทควันโดไทยในปี 2021 และก้าวมาป้องกันแชมป์ได้อย่างสมศักดิ์ศรีในศึก โอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ปารีส เรียกว่ายิ่งใหญ่และไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนที่เมืองไทยจะมีนักกีฬาที่สุดยอดในระดับ "พาณิภัค"

หลังจบการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024 "เทนนิส" ใช้เวลาตรึกตรองและตัดสินใจอย่างยากลำบากไม่น้อยก่อนจะประกาศเลิกเล่นเทควันโดที่เจ้าตัวรักและทุ่มเทสู้แบบถวายชีวิตมาตลอดอย่างที่เคยได้เปรยเอาไว้ก่อนจะไปโอลิมปิกที่ฝรั่งเศส ซึ่งก็ถือเป็นการปิดฉากเส้นทางกีฬาเทควันโดได้อย่างยิ่งใหญ่และสมบูรณ์แบบอย่างที่เจ้าตัวฝันไว้ และแฟนๆกีฬาชาวไทยทุกคนอยากจะให้เป็น

เส้นทางชีวิตหลังเลิกเล่นเทควันโดทีมชาติ รวมถึงเลิกเล่นกีฬาเทควันโดไปแล้วของ "เทนนิส" ยังคงเรียบง่าย และเจ้าตัวเองก็ยังอยู่กับกีฬาเทควันโดที่สร้างและทำให้ตนเองมีวันนี้ ด้วยการเปิดโรงเรียนสอนเทควันโด ในชื่อ "Panipak Taekwondo" ก่อนที่ล่าสุดเมื่อ 25 ธ.ค.67 เจ้าตัวจะถูกหนุ่มคนรู้ใจทำเซอร์ไพรส์ ขอแต่งงานในวันคริสต์มาส ซึ่งก็เรียกว่าเป็นเรื่องราวที่ดีที่สุดในชีวิตส่งท้ายปี 2024 ของเจ้าตัวด้วย

จากผลงานตลอดการเล่นเทควันโด รวมถึงความเป็น "พาณิภัค" ซึ่งเป็นขวัญใจของแฟนๆกีฬาชาวไทยและเป็นไอดอลของเด็กๆหลายคนอยู่แล้ว ก็ทำให้เจ้าตัวมีลูกศิษย์ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ให้ความสนใจ เข้ามาฝึกเทควันโดด้วยเป็นจำนวนมาก ถึงขั้นต้องเปิดยิมเพิ่ม โดยตอนนี้ยิมของ พาณิภัค มี 2 สาขาด้วยกัน คือที่ โครงการ Little Walk กรุงเทพกรีฑา ชั้น 2 ซึ่งเป็นสาขาแรก และประเวศ-สุขาภิบาล เป็นสาขาที่ 2

ล่าสุด "เทนนิส" ก็เพิ่งจะคว้ารางวัลนักกีฬาสมัครเล่นหญิงดีเด่น ในงานวันกีฬาแห่งชาติ 2567 เมื่อ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าตัวเปิดเผยว่า สำหรับรางวัลดังกล่าว เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศเป็นรางวัลใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แน่นอนว่าในชีวิตนักกีฬาสำหรับตนเอง เป็นความรู้สึกที่ภาคภูมิใจมากๆที่ได้รับมา ซึ่งรางวัลดังกล่าว ทำให้ตนเองหายเหนื่อย

"มันหายเหนื่อยค่ะ ลืมความเจ็บ ความล้าทุกอย่าง ถือเป็นรางวัลตอบแทนความมุ่งมั่นทุกอย่างได้เป็นอย่างดี อยากขอบคุณคณะกรรมการทุกคนที่มอบรางวัลนี้ให้กับหนู ดีใจมากๆ ซึ่งก็อาจจะเป็นรางวัลสุดท้ายในฐานะนักกีฬา เพราะตอนหนูเลิกเล่นกีฬาเทควันโดแล้วค่ะ"

เจ้าตัวได้เผยถึงชีวิตหลังเลิกเล่นทีมชาติไทยด้วยว่า ตนเองได้มีเวลาลองทำสิ่งใหม่ๆที่ไม่เคยได้ทำหลายอย่าง หลังก่อนหน้านี้ในช่วงเป็นนักกีฬาเทควันโด ต้องระมัดระวังตัวเองอย่างดีที่สุด เพราะอาจจะเจ็บ อย่างไรก็ตามพอเลิกเล่น จึงมีโอกาสทำอะไรแปลกใหม่จากเดิม อย่าง ต่อยมวย ตีแบดมินตัน หรือขับรถโกคาร์ท

"ตอนนี้ก็ออกมาลองทำในสิ่งที่วัยรุ่นทำกันค่ะ รู้สึกว่าโลกนี้มีแบบหลายๆอย่างที่เราไม่เคยทำแล้วรู้สึกว่าได้ไปเติบโตมากขึ้น แล้วก็มีหลายๆสิ่ง หลายๆอย่างที่อยากจะทำมากขึ้น รวมไปถึงสอนเทควันโดที่พาณิภัค เทควันโดด้วยค่ะ"

"ถามว่าตอนนี้มีความสุขไหม ชีวิตตอนนี้ก็แฮปปี้ค่ะ ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำค่ะ แล้วก็เหมือนได้ออกจากบ้านหลังใหญ่มาใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการค่ะ ส่วนหลังจากเลิกเล่น ถามว่าสมาคมกีฬาเทควันโดได้มีการทาบทามหรือพูดคุยขอให้ไปช่วยงานโค้ชบ้างหรือเปล่า ก็มีพูดคุยกันบ้างค่ะ แต่เราก็แบบอยากออกไปใช้ชีวิตก่อนค่ะ เพราะเหมือนอยู่ในแคมป์อยู่กับเทควันโดมาตลอด 20 ปีเลยค่ะ ตอนนี้ก็เลยแบบขอเวลาอยู่กับตัวเองแล้วก็ครอบครัวก่อนค่ะ

"เทนนิส" ยังเผยถึงจอมเตะรุ่นน้องในทีมชาติไทยหลายๆคนด้วยว่า มีหลายคนที่มีไม้ลายมือไม่ธรรมดา และพร้อมจะก้าวมาเป็นกำลังหลักของทีมชาติ อย่างรุ่น 49 กก.ที่เป็นรุ่นของตัวเอง ก็มองว่ามีน้องๆตัวแทนขึ้นมาหลายคน ซึ่งตอนตนเองยังอยู่ในแคมป์ ก็มองเห็นหลายๆคนจากตอนซ้อม หลายๆคนมีฝีมือที่ดีมากๆและตนก็หวังว่าน้องๆ เหล่านี้จะพัฒนาตัวเอง และก้าวขึ้นมาสร้างผลงานในอนาคตกับทีมชาติไทย