นักวิ่งกว่าพันคนร่วมเดิน-วิ่งรักษ์โลกลดโลกร้อน Net Zero

นักวิ่งกว่าพันคนร่วมเดิน-วิ่งรักษ์โลกลดโลกร้อน Net Zero
กรมโรงงานอุตสาหกรรม จัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง "Walk & Run for Ozone and Climate 2065 Net zero" เพื่อปกป้องโอโซนและสุขภาพ กระจาย 4 จังหวัด เพื่อร่วมมือกันรณรงค์ปกป้องโลก ปกป้องชั้นบรรยากาศโอโซน และลดโลกร้อน ปลุกกระแสให้คนไทยตระหนักถึงการรักษ์โลก รักโอโซนผ่านกิจกรรมการออกกำลังกายด้วยการวิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ

เมื่อวันเสาร์ที่ 2 ธ.ค.66 ได้มีการจัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง "Walk & Run for Ozone and Climate 2065 Net zero" ที่ถนนชายทะเลเขาพลายดำ จ.นครศรีธรรมราช โดยมี น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธี ร่วมด้วยนายไตรรัตน์ ไชยรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช, นายจุลพงษ์ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม, น.ส.วราภรณ์ หิรัญวัฒน์ศิริ หัวหน้าโครงการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโร- ฟลูออโรคาร์บอน ธนาคารโลก, คณะผู้บริหารจากจังหวัดนครศรีธรรมราช, คณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม, คณะผู้บริหารกรมโรงงานอุตสาหกรรรม และนักวิ่งเข้าร่วมกิจกรรมกันเป็นจำนวนมาก 

ภายในงานยังมีนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับโอโซน ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้รับความรู้ที่จะช่วยส่งเสริมการลด และเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (HCFCs) และผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน เพื่อเป็นการร่วมกันรณรงค์ในการตระหนักรับรู้ถึงความสำคัญของชั้นบรรยากาศโอโซน เพื่อปกป้องโลกจากรังสีอัลตราไวโอเลต และกระตุ้นการรับรู้ถึงปัญหาโอโซน รวมทั้งร่วมกันรณรงค์ลดโลกร้อน ขณะเดียวกันยังได้ส่งมอบกล้าไม้จำนวน 1,000 ต้นให้แก่ชุมชน นักวิ่ง และผู้สนใจ เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน และส่งมอบ "ซั้งกอ" หรือบ้านปลาจากทางมะพร้าวจำนวน 60 กอ ให้แก่ชาวประมง เพื่อนำไปอนุบาลสัตว์น้ำขนาดเล็ก และแหล่งเพาะพันธุ์ให้สัตว์ทะเลต่อไป

นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลไทย ให้รับผิดชอบในการลดและเลิกใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซนให้เป็นไปตามพันธกรณีภายใต้พิธีสารมอนทรีอออล โดยได้รับเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากกองทุนพหุภาคี จำนวนเงินกว่า 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านธนาคารโลกในการดำเนินโครงการลดและเลิกใช้ สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน หรือสารเอชซีเอฟซี ซึ่งเป็นสารทำลายชั้นบรรยากาศโอโซน ที่ประเทศไทยจะต้องเลิกใช้ภายในปี พ.ศ. 2573 จัดกิจกรรมเดิน-วิ่ง "Walk & Run for Ozone & Climate 2065 Net Zero" ใน 4 ภูมิภาค จัดมาแล้ว 3 ครั้ง ได้แก่ จ.ตรัง เมื่อวันที่ 7 ต.ค.66 ที่ท่าเรือหาดปากเมง, จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 66 ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม และ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 66 ที่ปางช้างแม่แตง 

"ทั้ง 3 ครั้ง มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวมกว่า 3,000 คน และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ที่ถนนชายทะเล เขาพลายดำ จ.นครศรีธรรมราช มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 1,000 คน และครั้งสุดท้าย จะจัดขึ้น ณ สวนเบญจกิติ (สวนโรงงานยาสูบ) กรุงเทพมหานคร ในวันเสาร์ที่ 9 ธ.ค.66 โดยกิจกรรมเดิน-วิ่ง "Walk & Run for Ozone and Climate 2065 Net Zero" แบ่งเป็น 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Fun Run ระยะทาง 5 กม. และรุ่นมินิมาราธอน ระยะทาง 10 กม. มีเงินรางวัลรวม 50,000 บาท" 

ขณะที่ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของงานอุตสาหกรรมแฟร์ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พ.ย.-3 ธ.ค. 66 กิจกรรมเดิน-วิ่งและกิจกรรมจิตอาสาในครั้งนี้ได้รับความสนใจ และเสียงตอบรับ จากผู้สนใจเป็นอย่างดี มีรางวัลมากมายสำหรับนักวิ่งที่ชนะการแข่งขัน ตลอดเส้นทาง จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัย มีทีมงานคอยอำนวยความสะดวกให้นักวิ่งทุกคน

ซึ่งในนามของกระทรวงอุตสาหกรรม ขอขอบคุณหลายๆ ฝ่ายของหน่วยงานในพื้นที่ และทุกหน่วยงานที่ให้การสนับสนุนกิจกรรม ที่ผ่านมาในอดีตมีผลช่วยป้องกันไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในปัจจุบันสูงขึ้น 2 องศาเซลเซียส ขั้นต่อไปคือ การลดและเลิกใช้สารควบคุมภายใต้พิธีสารมอนทรีออล จะช่วยลดการเพิ่มขึ้น ของอุณหภูมิโลกได้อีก 0.5 องศาเซลเซียส ภายในสิ้นศตวรรษที่ 21 จากเป้าหมาย 1.5 องศาเซลเซียสภายใต้ข้อตกลงปารีส จากการดำเนินการที่ผ่านมา ผู้ประกอบการที่ได้รับความช่วยเหลือปรับเปลี่ยนไปใช้สารทดแทน สามารถเปลี่ยนเทคโนโลยีไปใช้สารทดแทนที่ไม่ทำลาย ชั้นบรรยากาศโอโซน และมีค่าศักยภาพที่ทำให้โลกร้อนต่ำลงหรือเป็นศูนย์ 

สำหรับกิจกรรมเดินวิ่ง "Walk & Run for Ozone & Climate 2065 Net Zero" สนามสุดท้าย กำหนดจัดในวันเสาร์ที่ 9 ธ.ค.66 ที่สวนเบญจกิติ (สวนโรงงานยาสูบ) ผู้ที่สนใจสามารถสมัครฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมรับเสื้อ และของที่ระลึก ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเฟซบุ๊กเพจ Ozone Protection Unit of Thailand (https://www.facebook.com/ozoneprotectorthailand)

    


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport
Thailand Web Stat