ต้นปีที่ผ่านมาถือเป็นอีกหนึ่งปี ที่นักขี่ม้าสาวไทยต้องฝ่าฟันกับอุปสรรคต่างๆ โดยเฉพาะการแข่งขันที่ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงเรื่องระเบียบการนำม้าจากซาอุฯ เข้าไปแข่งยูเออี ที่จะต้องกักตัวนานถึง 30 วัน  

แน่นอนว่าระยะเวลาที่ถูกกำหนดมา ทำให้นักขี่ม้าสาวไทยและอาชาคู่ใจ "ทีน่า" ตัดสินใจอยู่ที่ซาอุฯ หลังจบการแข่งขันเวิลด์คัพ 5 ดาวกรังด์ปรีซ์ ความสูง 160 ซม. ซึ่งเป็นระดับการแข่งขันที่สูงที่สุดของกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง 

10 สนามที่ยูเออีกับการเก็บแต้มควอลิฟาย อลป. 2024 ถูกพับเก็บ แต่ "ปรีดิ์อัญ" ยังอยู่ที่ซาอุฯ เพื่อรอแข่ง 3 สนามสุดท้ายก่อนจะเดินทางกลับฝรั่งเศส 

5 เดือนกับการใช้ชีวิตอยู่ซาอุฯ ไม่ง่ายสำหรับนักขี่ม้าสาวไทย แต่สิ่งที่ได้รับสุดคุ้มค่า "ปรีดิ์อัญ" เป็นนักกีฬาหญิงคนเดียวที่สามารถก้าวขึ้นโพเดียมเคียงคู่กับนักกีฬามือเก๋าเหรียญทอง อชก. 4 สมัย, เหรียญทองแดงโอลิมปิก 2012 และเพิ่งจะพาทีมซาอุฯ คว้าตั๋วลุย "ปารีสเกมส์" 2024 "อับดุลลา อาสฮาบาตี้"

"5 เดือนกับการไปแข่งขันที่ซาอุฯ เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก แต่ก็ภูมิใจในตัวเองเป็นที่สุด โดยเฉพาะรายการเวิลด์คัพ 5 ดาวรอบกรังด์ปรีซ์ ทีน่ากระโดดเคลียร์ราวในความสูง 1.60 ซม. มันคือความภูมิใจของปรีดิ์ เพราะเราสร้างม้าตัวนี้ขึ้นมาเองกับมือ ตอนที่ซื้อมา ทีน่ากระโดดได้แค่ 130 ซม. ไม่คิดว่าทีน่าจะกระโดดได้ 160 ซม. เพราะม้าเมื่อกระโดดได้ที่ 145 ซม. แล้ว 5 ซม.ต่อไปมันจะยากมาก เหมือนเป็นสเต็ปใหม่เป็นเป้าหมายที่ใหญ่มาก แต่เรารู้ว่าเขาอยากจะทำให้เรา เขากระโดดด้วยหัวใจของม้าตัวหนึ่งที่จะทำได้ เขาทำให้ปรีดิ์ได้สุดยอดมาก"

"ทีน่าคือความภาคภูมิใจที่สุดของปรีดิ์ จากม้าที่กระโดด 130 ซม. ไปถึง 1.60 ชม เราปั้นมาด้วยตัวเอง อยากขอบคุณทีม โค้ช ครอบครัว และตัวเองที่มั่นใจ ที่มั่นใจในตัวเอง ม้า และทีม และตอนนี้คือฟอร์มเราดีที่สุดแล้วสามารถรักษามาตราฐานของตัวเองไม่ขึ้นๆลงๆ แต่จะพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ”

"คนที่ซาอุฯเขาชอบเรา บอกว่าเห็นการพัฒนาของเราทุกสนาม เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ขี่ในคลาสสูง สักวันเราจะต้องได้ที่ 1 เพราะม้าของคนอื่นกระโดดได้ 2 เมตร เขาแค่ใช้ แต่สำหรับทีน่า หนูดึงศักยภาพของเขาออกมาสู้ ม้ากระโดดด้วยหัวใจและสมอง แต่เราก็ไม่สามารถให้เขาทำแม็กซิมัมให้เราได้ทุกสนาม เพราะม้าไม่ใช่เครื่องจักร แต่เป็นสิ่งมีชีวิต มีหัวใจ เราต้องแฟร์กับม้าด้วย พอเขาชมเราก็ปลื้มมากค่ะ ที่สำคัญนักกีฬาผู้ชายของซาอุฯ ก็ยอมรับในฝีมือของเรา การเดินทางในครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่า"

ส่วนเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ในปลายปีนี้ สำหรับ "ปรีดิ์อัญ" คือหนึ่งในแมตช์แข่งที่อยู่ในแผน แต่ก่อนแข่ง 1 เดือน อาจจะมีการเตรีมตัว เตรียมม้า ซึ่งใน อชก. ครั้งนี้คู่แข่งที่น่ากลัวมองเป็นซาอุฯ ที่ยกทีมชุดโอลิมปิก 2024 ไปทั้งทีมกับญี่ปุ่น เพราะเป้าหมายใหญ่ของ "ปรีดิ์อัญ" คือการคว้าตั๋วไปแข่ง อลป. 2024 

"เอเชียนเกมส์เป็นหนึ่งในแมตซ์แข่ง แต่เป้าหมายจริงๆคือโอลิมปิก หลังจากที่พลาดการแข่งขัน 10 สนามที่ยูเออีไปแล้ว ก็เดินตามแผนต่อ ยังเหลือเวลาอีก 1 ปี สำหรับการเก็บคะแนนควอลิฟาย ส่วนแผนล่าสุดคือปลายเดือนเมษายน จะมีแข่ง 4 ดาวที่ฝรั่งเศส และเดือน พ.ค. จะแข่งในยุโปรระดับ 4-5 ดาว ต้องแข่งในคลาสที่สูงขึ้น"

"ถามว่าเหนื่อยมั้ย มันหนัก แต่ไม่ได้อยู่ในจุดที่ "ทำไม่ได้" มีหลายคนๆเหนื่อยกว่าเรา เพราะนี่คือชีวิตจริงไม่ได้ปูด้วยพรมหแดง มันต้องมีอุปสรรคอยู่แล้ว มันอยู่ที่เราจะจัดการกับความรู้สึกนี้ และอุปสรรคเหล่านี้ยังไง ทำได้ไม่ได้เกินความสามารถ เหนื่อนก็แค่พัก เพราะเรามีเป้าหมายใหญ่ที่รออยู่"

"คือโอลิมปิก แต่ได้หรือไม่ได้ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งคนและม้า มันยาก โซนเรามี 8 ประเทศ เอาแค่ 2 คนในประเภทบุคคล แต่มันมีคนที่ใช้เงินเยอะกว่าเรา ขี่มานานกว่าเรา เขายังไม่ได้เลย แล้วเราเป็นใครที่จะต้องได้ คือเราต้องมองไปตามความเป็นจริง แต่หนูอยากได้ที่สุด เพราะทั้งชีวิตเราทุ่มเทเพื่อสิ่งนี้"

 "21 ปีบนกับการเล่นกีฬานี้ ปรีดิ์เพิ่งจะประสบความสำเร็จกระโดดในระดับสูงที่สุดได้ เป็นเวลาไม่น้อยเลย ถ้าเราท้อเราคงมาถึงวันนี้ไม่ได้ การพ่ายแพ้คือบทเรียน เพื่อจะได้มีวันที่เราจะประสบความสำเร็จ เพื่อวันที่เราจะเป็นผู้ชนะ ยิ่งแพ้ยิ่งต้องเรียนรู้กับความพ่ายแพ้เหล่านั้น เพื่อจะเป้าหมายที่ตั้งไว้ สำหรับปรีดิ์มันคือโอลิมปิก" 

ความสำเร็จ มันไม่มีคำว่า "ฟลุก" หรือทางลัดให้เดิน แต่มันต้องเดินตามสเต็ป ที่มีราคาต้องแลกมาด้วยความ "อดทน และพยายาม"