"เดอะแมจิกเชี่ยน" ฌอน เมอร์ฟี่ นักสอยคิวมือ 16 ของโลกจากอังกฤษ ที่ในรายการนี้ออกคิวได้อย่างร้อนแรง สามารถคว้าแชมป์สนุกเกอร์บริติชโอเพ่น 2025 มาครองได้ตามคาด หลังรอบชิงชนะเลิศจัดการสยบ "นักรบแห่งกลาสวีเจียน" แอนโธนี แม็คกิลล์ มือ 57 ของโลกจากสกอตแลนด์ไปได้ 10-7 เฟรม แถมยังกดไป 3 เซ็นจูรี่เบรกเมื่อคืนวันที่ 28 ก.ย.68 ที่ผ่านมา ณ เดอะเซ็นทอร์ เมืองเชลนัมต์ ประเทศอังกฤษ
ก่อนการแข่งขันจะเริ่ม ทั้งคู่ต่างไม่เคยผ่านการคว้าแชมป์และเข้าชิงรายการนี้มาก่อน ส่งผลให้ผู้ที่คว้าแชมป์ จะกลายเป็นแชมป์บริติชโอเพ่นหน้าใหม่อย่างแน่นอน
ตลอดการแข่งขัน ต่างฝ่ายต่างสู้กันอย่างสนุก ไม่มีฝ่ายใดนำห่างกันมากนัก โดยจบเซสชั่นแรก(8 เฟรม) ทั้งคู่เสมอกัน 4-4 เฟรม ก่อนที่ในเซสชั่นที่ 2 ทั้งคู่สู้กันได้อย่างสูสีอีกจนมาเสมอกันที่ 7-7 เฟรมเท่ากัน
ทว่าหลังจากนั้น ฌอน เมอร์ฟี่ เริ่มจะออกคิวได้เหนือกว่า ก่อนจะเอาชนะไปในที่สุด 10-7 เฟรม โดยก่อนคว้าแชมป์ยังกดทีเดียว 4 เฟรมรวดปิดท้ายทัวร์นาเมนต์อีกต่างหาก(ไล่จากตามหลัง 6-7 เฟรมกลับมาชนะ 10-7 เฟรม) พร้อมกับคว้าแชมป์บริติชโอเพ่นไปครองเป็นสมัยแรก
จากการคว้าแชมป์ดังกล่าว ส่งผลให้จอมคิววัย 43 ปี คว้าเงินรางวัล 100,000 ปอนด์(ราวๆ 4.3 ล้านบาท) พร้อมกับโกยคะแนนสะสมแบบจัดหนักจัดเต็มถึง 100,000 แต้ม จนมีอันดับโลกทะยานขึ้นถึง 4 ขั้น จากอันดับ 16 ขึ้นไปรั้งอันดับ 12 ของโลกเป็นที่เรียบร้อย
แม้ว่าแชมป์รายการล่าสุดของ ฌอน เมอร์ฟี่ จะเป็นศึกใหญ่ระดับทริปเปิลคราวน์อย่างมาสเตอร์ส 2025 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทว่าทัวร์นาเมนต์นี้เป็นรายการประเภท non-ranking ที่ไม่มีผลต่อคะแนนสะสมอันดับโลกแต่อย่างใด
หากนับเฉพาะรายการระดับเวิลด์แรงค์กิ้งที่มีผลต่อคะแนนสะสมอันดับโลก กล่าวได้ว่านี่คือการคว้าแชมป์รายการเวิลด์แรงค์กิ้งทัวร์นาเมนต์ของเขาในรอบ 2 ปีกว่าเลยทีเดียว ต่อจากการคว้าแชมป์ศึกแชมเปี้ยนชิพลีก 2023 เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2023 พร้อมกับเป็นถ้วยแชมป์รายการระดับเวิลด์แรงค์กิ้งใบที่ 13 ของเจ้าตัวอีกต่างหาก
ด้าน แอนโธนี่ แม็คกิลล์ ซึ่งถือเป็นม้ามืดประจำรายการ ได้เรียกฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมาอีกครั้งในรายการนี้ หลังจากผลงานการแทงออกทะเลไปไกล จนอันดับเกือบหลุดท็อป 64 ของโลก
โดยศึกบริติชโอเพ่นหนนี้ เขาได้หักปากกาเซียนด้วยการเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศอย่างเหลือเชื่อ พร้อมกับเป็นหนแรกในรอบ 8 ปีที่ผ่านเข้าสู่ไฟนัลราวด์อีกครั้งในรายการอาชีพโลก ต่อจากศึกอินเดียนโอเพ่น 2017 ที่ประเทศอินเดีย(ได้รองแชมป์มาครอง)
แม้ว่าท้ายที่สุด เขาจะสร้างปฏิหาริย์คว้าแชมป์รายการนี้ไม่สำเร็จ ทว่าการคว้ารองแชมป์บริติชโอเพ่น 2025 นอกจากจะทำให้จอมคิวจากแดนวิสกี้ ได้เงินรางวัล 45,000 ปอนด์(ราวๆ 1.9 ล้านบาท)แล้ว ยังได้รับคะแนนสะสมอีก 42,000 คะแนนอีกด้วย พร้อมทำอันดับโลกพุ่งขึ้นถึง 12 ขั้น จากอันดับ 57 ขึ้นไปรั้งอันดับ 45 ของโลกอย่างเป็นทางการ