เผลอแป๊ปเดียว ไม่น่าเชื่อว่า "เพชฌฆาตปืนกล" จัดด์ ทรัมป์ นักสอยคิวมือ 1 ของโลกจากอังกฤษ จะไม่ได้แชมป์ประดับบารมีเป็นเวลาเกือบๆ 10 เดือนเข้าให้แล้ว นับตั้งแต่คว้าแชมป์ศึกใหญ่ระดับทริปเปิ้ลคราวน์อย่างยูเคแชมเปี้ยนชิพ 2024 เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.67 หรือเมื่อ 298 วันก่อน
หลังล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 25 ก.ย.68 เขาพลาดท่าตกรอบ 16 คนสุดท้าย จากการพ่าย ฌอน เมอร์ฟี่ มือ 16 ของโลกจากชาติเดียวกันไปแบบฉิวเฉียด 3-4 เฟรม ในศึกสอยคิวบริติชโอเพ่น 2025 ที่เดอะเซ็นทอร์ เมืองเชลต์นัม ประเทศอังกฤษ
ส่งผลให้จอมคิววัย 36 ปี กำลังจะห่างหายจากการคว้าโทรฟี่แชมป์ เป็นเวลาที่นานกว่า 300 วันอย่างแน่นอน เนื่องจากรายการต่อไปอย่าง ซีอานกรังด์ปรีซ์ 2025 ที่เมืองซีอาน ประเทศจีน ซึ่งเจ้าตัวเป็นรองแชมป์เก่า จะดวลคิวกันระหว่างวันที่ 7-13 ตุลาคม 68 นี้
จากการไร้ถ้วยแชมป์บนยุทธจักรคิวโลก เป็นเวลาที่นานทะลุ 300 วัน มันจึงเป็นช่วงเวลาที่ จัดด์ ทรัมป์ กำลังเผชิญกับฟอร์มที่ดร็อปลงไปอย่างชัดเจน
แถมนับตั้งแต่ที่เขาคว้าแชมป์ยูเคแชมเปี้ยนชิพ 2024 ไม่น่าเชื่อว่าเข้าชิงแค่หนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือศึกเพลย์เยอร์สแชมเปี้ยนชิพ 2025 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ก็พ่าย ไคเรน วิลสัน มือ 2 ของโลกจากชาติเดียวกันไปอย่างฉิวเฉียด 9-10 เฟรม คว้าเพียงรองแชมป์เท่านั้น
นับว่ายังดีที่ในศึกบริติชโอเพ่น 2025 ที่กำลังแบทเทิ่ลเพลงคิวกันอยู่ในขณะนี้ 2 จอมคิวที่พยายามทำคะแนนสะสมอันดับโลกจี้มาติดๆต่างตกรอบก่อนเวลาอันควรทั้งคู่ทั้ง ไคเรน วิลสัน มือ 2 ของโลกจากอังกฤษกับ นีล โรเบิร์ตสัน มือ 3 ของโลกจากออสเตรเลีย
ในรายของ ไคเรน ร่วงตั้งแต่รอบ 64 คนสุดท้ายหลังพ่ายเจ้าหนู สแตน มูดี้ จอมคิวดาวโรจน์วัยเพียง 19 ปีจากอังกฤษ ที่รั้งอันดับ 55 ของโลก 2-4 เดฟรม ส่วน นีล พ่าย ฌอน เมอร์ฟี่ มือ 16 ของโลกจากอังกฤษ 1-4 เฟรม ตกรอบ 32 คน
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ "หนุ่มจัดด์" จะยังคงครองบัลลังก์เบอร์ 1 ของโลกไปอีกสักพักใหญ่ อย่างน้อยน่าจะตลอดปีศักราช 2025
อย่างไรก็ตาม หากยังคัมแบ๊กกลับมาคว้าแชมป์ไม่ได้ มีโอกาสสูงที่จะหลุดจากบัลลังก์หมายเลข 1 ของโลกในช่วงท้ายฤดูกาล เว้นเสียแต่เขาคว้าแชมป์โลกในเดือนพฤษภาคมปีหน้า
ทีนี้ มาดูกันว่า เพราะเหตุใด ฟอร์มของ จัดด์ ทรัมป์ ถึงดร็อปลงไป ตลอดกว่า 10 เดือนที่ผ่านมา ไร้ซึ่งถ้วยแชมป์ แถมยังเข้าชิงเพียงหนเดียวเท่านั้น
การอิ่มตัวกับความสำเร็จ อาจไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงเท่าไหร่นัก แม้เขาจะคว้าแชมป์บนยุทธจักรคิวโลกไปถึง 37 รายการ แบ่งเป็นรายการระดับเวิลด์แรงค์กิ้งถึง 30 รายการ(เป็นนักสนุกเกอร์ที่คว้าแชมป์เวิลด์แรงค์กิ้งมากที่สุดเป็นอันดับ 4) และรายการ non-ranking อีก 7 รายการ
แต่การคว้าแชมป์รายการใหญ่ระดับทริปเปิลคราวน์ทัวร์นาเมนต์(ชิงแชมป์โลก, ยูเคแชมเปี้ยนชิพ และมาสเตอร์ส) เขาได้ถ้วยแชมป์ไปเพียง 5 ใบเท่านั้น(ชิงแชมป์โลก 1 ครั้ง, ยูเคแชมเปี้ยนชิพ 2 ครั้ง และมาสเตอร์สอีก 2 หน)
เมื่อเทียบกับ รอนนี่ โอซัลลิแวน ผู้เป็นไอดอล ที่ครองสถิติคว้าแชมป์เวิลด์แรงค์กิ้งมากที่สุดถึง 41 รายการ และคว้าแชมป์รายการใหญ่ระดับทริปเปิลคราวน์มากที่สุดถึง 23 ทัวร์นาเมนต์(ชิงแชมป์โลก 7 สมัย, ยูเคแชมเปี้ยนชิพ 8 สมัย และมาสเตอร์สอีก 8 สมัย) กล่าวได้ว่า จัดด์ ทรัมป์ เป็นรองสุดกู่
ส่วนอีกประเด็นที่บรรดาแฟนคลับทั้งหลายต่างมองว่าเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ “หนุ่มจัดด์” มีผลงานที่ดร็อปลงไปก็คือ การที่เขามีความรักนั่นเอง
ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 1 ปีก่อน มีข่าวหลุดออกมาว่า จัดด์ ทรัมป์ มีความสัมพันธ์กับ ไมซี่ หม่า นักฟิกเกอร์สเก็ต(สเก็ตลีลา)ชาวฮ่องกง ที่เคยผ่านการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์สเก็ตนานาชาติ(ISU)มาแล้ว
แม้อายุจะห่างกันถึง 11 ปี(จัดด์ 36 ปี, ไมซี่ หม่า 25 ปี) แถมทั้งคู่ยังต้องอยู่ห่างกันคนละซีกโลก แต่ช่องว่างระหว่างวัยและระยะทางของประเทศบ้านเกิด มิได้เป็นอุปสรรคต่อความรักของทั้งคู่เลย
และที่ผ่านมา "หนุ่มจัดด์" แสดงถึงอาการคลั่งรักแม่นางไมซี่แบบสุดขีด ถึงขนาดยอมไปใช้ชีวิตเป็นเวลานานที่ฮ่องกง โดยได้รับสิทธิ์วีซ่าอาศับในฮ่องกงตาม โครงการ Quality Migrant Admission Scheme (QMAS) ของรัฐบาลฮ่องกง
อย่างไรก็ตาม แม้ความรักจะไปได้สวย แต่ผลงานบนโต๊ะผ้าสักหลาดขนาด 12X6 ฟุตกลับไม่จัดจ้านเหมือนเช่นเคย จึงมีคำถามเกิดขึ้นจากแฟนสนุกเกอร์ว่า จัดด์ ทรัมป์ จะกลับมาเป็นนักสอยคิวที่ดีที่สุดแห่งยุค เหมือนช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาได้หรือไม่
อย่าลืมว่าปัจจุบัน เขาอยู่ในวัย 36 เข้าให้แล้ว อีกไม่นานก็จะเข้าสู่วัยที่มีเลข 4 นำหน้า เมื่อถึงตอนนั้น ฝีมือการออกคิว จะยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิมหรือเปล่า เพราะนักสนุกเกอร์ในทัวร์อาชีพส่วนมาก มักมีผลงานตกลงไปเมื่อเข้าสู่วัย 40 มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังรักษามาตรฐานการแทงที่ดีเยี่ยมได้เหมือนเดิม