ในที่สุด "พ่อมดวิสกี้" จอห์น ฮิกกินส์ นักสอยคิวมือ 11 ของโลกจากสกอตแลนด์ ก็สามารถปลดล็อก คว้าแชมป์แรกในฤดูกาลนี้ได้เสียที หลังจากเอาชนะ "เพชฌฆาตปืนกล" จัดด์ ทรัมป์ มือ 5 ของโลกจากอังกฤษไปได้ 3-1 เฟรม ในรอบชิงชนะเลิศ ของศึกสอยคิวแชมเปี้ยนชิพลีก 2023(non-ranking event) เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ณ สังเวียนมอร์นิ่งไซด์อารีน่า เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
รายการนี้ แม้จะเป็นเพียงทัวร์นาเมนต์เล็กๆ ที่เงินรางวัลไม่สูงมากนัก แถมยังไม่ผลต่อการคิดคะแนนสะสมอันดับโลกอีกด้วย ทว่าโทรฟี่แชมป์ดังกล่าว นับมีความหมายต่ออดีตแชมป์โลก 4 สมัยวัย 47 ปีเป็นอย่างมาก
เนื่องจากตลอดฤดูกาล 2022-2023 เขาเผชิญกับช่วงฟอร์มตกอย่างกู่ไม่กลับ นอกจากจะไม่ได้แชมป์มาเชยชมแม้แต่รายการเดียวแล้ว ยังตกรอบแรกๆเป็นประจำอีกด้วย จนอันดับโลกร่วงมาอยู่อันดับ 11 ของโลก
ดังนั้น การคว้าแชมป์ครั้งนี้ มีค่าอย่างยิ่งต่อการเรียกความมั่นใจของเขา กลับมาสู่ ณ จุดเดิมอีกครั้ง
สำหรับเส้นทางสู่แชมป์ของน้าจอห์น เริ่มจากการที่เขา ลงแข่งขันในกลุ่มที่ 4 ก่อน ระหว่างวันที่ 5-6 มกราคมที่ผ่านมา แม้จะได้เพียงรองแชมป์ จนพลาดตั๋วลุยศึกวินเนอร์ส์กรุ๊ปอย่างน่าเสียดาย ทว่าถัดมาในกลุ่มที่ 5 ที่ดวลคิวกันไปเมื่อวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จอมคิวจากแดนน้ำเมา ผู้ซึ่งเป็นแชมป์เก่ารายการนี้เมื่อปีก่อน สามารถคว้าแชมป์ในกลุ่มนี้ได้สำเร็จ
พร้อมกับคว้าตั๋วมาแข่งขันในรอบวินเนอร์สกรุ๊ป ระหว่างวันที่ 1-2 มีนาคมที่ผ่านมา ร่วมกลุ่มแชมป์อื่นอีก 6 กลุ่ม ได้แก่ (กลุ่ม 1 )แจ๊ค ลิซอฟสกี้ มือ 13 ของโลกจากอังกฤษ, (กลุ่ม 2) สจวร์ต บิงแฮม มือ 15 ของโลกจากอังกฤษ, (กลุ่ม 3) ไคเรน วิลสัน มือ 7 ของโลกจากอังกฤษ, (กลุ่ม 4) จัดด์ ทรัมป์ มือ 5 ของโลกจากอังกฤษ, (กลุ่ม 6) นีล โรเบิร์ตสัน มือ 4 ของโลกจากออสเตรเลีย และ (กลุ่ม 7) เสี่ยว กั๊วะ ตง มือ 33 ของโลกจากจีน
ระบบการแข่งขัน จะให้จอมคิวทั้ง 7 แข่งขันกันแบบพบกันหมด แล้วคัดเอาอันดับ 1-4 มาไขว้เจอกันในรอบรองชนะเลิศ(อันดับ 1 vs อันดับ 4 และ อันดับ 2 vs อันดับ 3) ก่อนที่ผู้ชนะในรอบตัดเชือก จะเข้าไปดวลกันในรอบชิงต่อไป โดยทุกแมตช์การแข่งขัน จะสู้กันในระบบ 3 ใน 5 เฟรม
ในรอบแบ่งกลุ่ม ผลปรากฏว่า จอห์น ฮิกกินส์ มีสถิติชนะ 4 แพ้ 2 แมตช์เท่ากับ ไคเรน วิลสัน ทว่าจำนวนเฟรมได้เสียเป็นรอง จึงได้อันดับที่ 3 ของกลุ่ม ส่วน ไคเรน รั้งอันดับ 2 ขณะที่ จัดด์ ทรัมป์ รั้งอันดับ 1 ด้วยผลงานชนะ 5 แพ้ 1 แมตช์ โดยอันดับ 4 เป็น นีล โรเบิร์ตสัน ที่มีสถิติชนะ 3 แพ้ 3 แมตช์
จากนั้นในรอบรองชนะเลิศ น้าจอห์น เฉือน ไคเรน ไปได้อย่างระทึก 3-2 เฟรม ผ่านเข้าชิงกับ ทรัมป์ ที่ไล่ต้อน นีล ไปด้วยสกอร์ขาดลอย 3-0 เฟรม
ก่อนที่รอบชิงชนะเลิศ จอห์น ฮิกกินส์ จะสยบ จัดด์ ทรัมป์ เจ้าของแชมป์มาสเตอร์สคนล่าสุดไปด้วยสกอร์ 3-1 เฟรม ป้องกันแชมป์ไว้ได้อีกสมัย และยังเป็นแชมป์สมัยที่ 4 อีกด้วย คว้าเงินรางวัลไปทั้งสิ้น 27,000 ปอนด์(ราวๆ 1.1 ล้านบาท)
เงินรางวัลดังกล่าว แบ่งเป็น 5,300 ปอนด์ ที่ได้จากการคว้ารองแชมป์กลุ่มที่ 4, (6,100 ปอนด์) ที่ได้จากการคว้าแชมป์กลุ่มที่ 5, (15,600 ปอนด์) ที่ได้จากการคว้าแชมป์รอบวินเนอร์สกรุ๊ป และอีก 1,000 ปอนด์ ที่ได้จากการทำเบรกสูงสุดในรอบวินเนอร์สกรุ๊ป หลังกดไม้เดียว 144 แต้ม ซึ่งเกิดขึ้นในเฟรมสุดท้ายของแมตช์ที่เอาชนะ เสี่ยว ก๊วะ ตง 3-1 เฟรม แถมยังเป็นเบรกสูงสุดประจำทัวร์นาเมนต์อีกด้วย
ด้าน จัดด์ ทรัมป์ ที่ได้รองแชมป์ในคราวนี้ รับเงินรางวัลไปทั้งสิ้น 15,900 ปอนด์(ประมาณ 6.6 แสนบาท) แบ่งเป็นเงินรางวัลที่ได้จากการคว้าแชมป์กลุ่ม 4 มูลค่า 6,300 ปอนด์ และในส่วนที่คว้ารองแชมป์วินเนอร์สกรุ๊ปอีก 9,600 ปอนด์
เสร็จสิ้นการแข่งขันรายการนี้ ก็จะถึงคิวของศึก 6 แดงชิงแชมป์โลก 2023 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 6-11 มีนาคมนี้ ณ ธรรมศาสตร์คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต จังหวัดปทุมธานี
ถิรพัฒน์ ณ ลำปาง