เปิดสมการสุดท้ายของศึกฟอร์มูล่า วัน 2025 หลังจบเรซกาตาร์ที่ดุเดือด! นอร์ริส ต้องนิ่งเพื่อจบงาน ส่วน เวอร์สแตพเพน ต้องเน้นชนะอย่างเดียว เจาะลึก 3 เงื่อนไขแชมป์ก่อนวัดกันที่ อาบูดาบี 5-7 ธ.ค.นี้
หลังจบการแข่งขันที่กาตาร์ กรังด์ปรีซ์ ที่สนามลูเซล อินเตอร์ชั่นแนล เซอร์กิต จบลงไปเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ศึกฟอร์มูล่า วัน ฤดูกาล 2025 เมื่อแม็กซ์ เวอร์สแตพเพ่น จะคว้าชัยชนะอย่างเหนือชั้น และได้จุดไฟแห่งความตื่นเต้นขึ้นอีกครั้ง ในการลุ่นตำแหน่งแชมป์โลก
ทำให้คะแนนรวมในตารางได้บีบเข้าหากันอย่างเหลือเชื่อ เมื่อ แลนโด้ นอร์ริส นักแข่งชาวอังกฤษ จากทีมแมคลาเรน ยังคงนำเป็นอันดับหนึ่งด้วย 408 คะแนน แต่ความผิดหวังสุดๆ หลังจบอันดับ 4 ทำให้ช่องว่างของคะแนนสะสมประเภทนักขับถูกบีบให้แคบลงมาอย่างมาก สถานการณ์การลุ้นแชมป์โลกประเภทนักขับต้องไปตัดสินกันถึงสนามสุดท้ายที่ยาส มาริน่า เซอร์กิต ในอาบูดาบี
แม็กซ์ เวอร์สแตพเพ่น แชมป์โลก 4 สมัยชาวเนเธอร์แลนด์ จากทีม เรด บูล เรซซิ่ง คว้าชัยชนะในเรซที่กาตาร์ ทำให้แซง ออสการ์ ปิอัสตรี ขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ไล่ตามผู้นำเหลือเพียง 12 คะแนนเท่านั้น 396 คะแนน
ออสการ์ ปิอัสตรี นักแข่งชาวออสเตรเลีย จากทีมแมคลาเรน การเข้าอันดับที่ 2 ยังคงทำให้เขามีโอกาสลุ้นแชมป์โลกโดนมี 392 คะแนน ในทางคณิตศาสตร์ที่ตามหลังถึง 16 คะแนน
ทำให้นักขับทั้งสามคนต่างมีสิทธิ์ที่จะคว้าตำแหน่งสูงสุดของวงการมอเตอร์สปอร์ตได้
"นี่คือการชิงแชมป์โลกที่ดุเดือดที่สุดในรอบหลายปี 12 คะแนนคือช่องว่างที่สามารถหายไปได้ในพริบตาเดียว ใครก็ตามที่ทำผลงานพลาดแม้แต่นิดเดียวในอาบูดาบี จะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต"
ภารกิจของ "สิงห์" แต่ละราย
- แลนโด นอร์ริส (ผู้นำ) นักขับหนุ่มจาก แมคลาเรน ยังกุมชะตาของตัวเองไว้ในมือ หากเขาต้องการความแน่นอน นอร์ริสจะต้องจบในโพเดียมให้ได้ หรือสูงกว่า โดยไม่จำเป็นต้องสนใจผลงานของคู่แข่งเลย นั่นหมายถึงการขับขี่ที่ต้องนิ่งและปราศจากข้อผิดพลาดในเรซตัดสิน
- แม็กซ์ เวอร์สแตพเพ่น แชมป์โลกหลายสมัยจะต้องใช้ประสบการณ์ทั้งหมดที่มี หากเขา ชนะการแข่งขัน ที่ยาส มาริน่า เซอร์กิต เขามีโอกาสสูงมากที่จะแซงขึ้นไปคว้าแชมป์ได้ทันที โดยจะต้องภาวนาให้ นอร์ริส จบในอันดับที่ 4 หรือต่ำกว่า
- ออสการ์ ปิอัสตรี แม้จะมีโอกาสน้อยที่สุด แต่ปิอัสตรีก็ยังไม่ยอมแพ้ การคว้าชัยชนะในอาบูดาบีให้ได้เท่านั้น และการที่คู่แข่งทั้งสองพลาดอย่างหนัก จะเป็นหนทางเดียวที่เขาจะพลิกสถานการณ์คว้าแชมป์โลกในปีแรก ๆ ของอาชีพได้
ย้อนรอยปี 2021 เมื่ออาบูดาบี คือจุดเปลี่ยนแห่งประวัติศาสตร์ ความตื่นเต้นและแรงกดดันที่ยาส มาริน่า เซอร์กิต ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ย้อนกลับไปในฤดูกาล 2021 สนามนี้คือเวทีที่สร้าง "ดราม่า" ครั้งประวัติศาสตร์ของวงการฟอร์มูล่า วัน เลยก็ว่าได้
ในปีนั้น แม็กซ์ เวอร์สแตพเพ่น และ เซอร์ ลูอิส แฮมิลตัน เจ้าของแชมป์โลก 7 สมัย เมื่อเข้าสู่สนามสุดท้ายด้วย คะแนนที่เท่ากันเป๊ะ (369.5 คะแนน) ทำให้ผู้ที่จบสูงกว่าจะได้แชมป์ไปครองทันที
การแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือดจนถึงรอบสุดท้าย เมื่อรถของ นิโคลัส ลาติฟี่ ประสบอุบัติเหตุ ทำให้เกิดรถ เซฟตี้ คาร์ ขึ้น ในช่วงเวลาที่เหลือเพียงรอบเดียวเท่านั้น แล้วแม็กซ์ เวอร์สแตพเพ่นที่เปลี่ยนไปใช้ยาง Soft ใหม่เอี่ยมอาศัยจังหวะในช่วง เซฟตี้ คาร์ จบลง และแซงหน้าแฮมิลตัน ที่ใช้ยางฮาร์ด (Hard) ได้ในรอบสุดท้ายเพียงรอบเดียว คว้าแชมป์โลกสมัยแรก ไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่งเป็นบทสรุปที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและอารมณ์ที่ยังคงถูกพูดถึงจนถึงทุกวันนี้
บทเรียนจากปี 2021 สนามอาบูดาบีได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ในศึกตัดสินแชมป์โลก ทุกวินาที ทุกเหตุการณ์ เซฟตี้ คาร์ และทุกการตัดสินใจของทีม มีผลชี้ขาดถึงบัลลังก์!
ในปี 2025 นี้ แรงกดดันจึงตกอยู่บนบ่าของ แลนโด้ นอร์ริสอย่างเต็มที่ ในขณะที่เวอร์สแตพเพนมีประสบการณ์จากการคว้าแชมป์โลกอย่างดราม่าที่สนามแห่งนี้มาแล้ว การแข่งขันที่อาบูดาบีในวันที่ 5-7 ธ.ค. นี้ จะเป็นมากกว่าการแข่งรถ แต่คือบทสรุปที่เต็มไปด้วยความกดดัน ประสบการณ์ และการขับขี่ที่ต้องนิ่งที่สุด เพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยในแบบที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง
แฟนมอเตอร์สปอร์ตต้องไม่พลาดชมการถ่ายทอดสดทางช่อง Bein Sport 1 (607) เพื่อติดตามบทสรุปแห่งฤดูกาลนี้