เปิดข้อมูลทุกมิติจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อตอบคำถามคาใจสังคมเรื่องการต่อสัญญา MotoGP ถึงปี 2031 สรุปความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ผลตอบแทนต่อประเทศ และที่มาที่ไปของงบประมาณ 4,000 ล้านบาท
โมโตจีพี ในประเทศไทย "ไม่คุ้มค่า-เอกชนไม่หนุน" จริงหรือ? กกท. ชำแหละ 9 ข้อเท็จจริง เคลียร์ชัดทุกมิติ
จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการจัดและการต่อสัญญาจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรายการ MotoGP (โมโตจีพี) สนามประเทศไทย ถึงปี 2031 การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในฐานะหน่วยงานหลักที่เป็นคู่สัญญา ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกในทุกมิติ เพื่อยืนยันความคุ้มค่า ผลตอบแทนที่ประเทศได้รับ และความโปร่งใสในการดำเนินงาน สรุปประเด็นหลัก 9 ข้อ ที่สังคมต้องทราบ มีดังนี้
📌 1. ความโปร่งใสของงบประมาณ: เงินลิขสิทธิ์ 3,997 ล้านบาท ไปถึงใคร?
กกท. ชี้แจงว่า ดอร์น่า สปอร์ต (Dorna Sports) เจ้าของลิขสิทธิ์ MotoGP ทั่วโลก มีนโยบายทำสัญญากับรัฐบาลหรือหน่วยงานรัฐโดยตรงเท่านั้น เพื่อสร้างเสถียรภาพในการจัดการแข่งขัน ดังนั้น กกท. จึงเป็นคู่สัญญาโดยตรงแต่เพียงผู้เดียว และค่าลิขสิทธิ์ทั้งหมดจะถูกทยอยขออนุมัติงบประมาณเป็นรายปี และจ่ายตรงไปยัง ดอร์น่า สปอร์ต เท่านั้น ไม่มีการผ่านคนกลางหรือตกไปที่เอกชน ในขณะเดียวกัน ผลประโยชน์และรายได้จากการขายบัตรเข้าชม รวมถึงเงินสนับสนุนจากภาคเอกชน จะถูกนำส่งเข้า กกท. โดยตรง เพื่อใช้สมทบและลดภาระงบประมาณภาครัฐอย่างเต็มที่
📌 2. การเจรจาสัญญา: ค่าลิขสิทธิ์แพงขึ้นมากหรือไม่?
กกท. ยืนยันว่า ค่าลิขสิทธิ์มีการปรับเพิ่มขึ้นทั่วโลก แต่การเจรจาต่อรองค่าลิขสิทธิ์ของประเทศไทยถือว่าอยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าประเทศอื่น การที่ค่าลิขสิทธิ์เพิ่มขึ้นในสัญญาใหม่ เนื่องจากปัจจุบันมีประเทศที่สนใจเสนอตัวเป็นเจ้าภาพมากขึ้น ประกอบกับสัญญาใหม่มีการเพิ่มการแข่งขัน Sprint Race ในวันเสาร์ ทำให้มีวันแข่งรวม 2 วัน (เสาร์-อาทิตย์) ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าทางการตลาดและดึงดูดผู้ชมได้มากขึ้น การเจรจาจึงคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ

📌 3. การจัดสรรงบฯ: กระทบงบช่วยเหลือผู้ประสบภัยหรือไม่?
กกท. เน้นย้ำว่า การจัดสรรงบประมาณทั้งสองส่วนแยกจากกันอย่างชัดเจน งบประมาณสำหรับกิจกรรมส่งเสริมกีฬาและเป็นเจ้าภาพระดับโลก (เช่น MotoGP) ถูกจัดสรรในส่วนของรายจ่ายของส่วนราชการ (การกีฬาแห่งประเทศไทย) ซึ่งมีวงเงินและวัตถุประสงค์ตามยุทธศาสตร์ของประเทศ ส่วนงบประมาณสำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินมาจาก 'งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น' ซึ่งเป็นงบฉุกเฉินโดยเฉพาะ ดังนั้น การขออนุมัติกรอบวงเงินสำหรับสัญญาปี 2570-2574 จึงไม่กระทบต่องบประมาณที่รัฐบาลใช้ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในปัจจุบันแต่อย่างใด
📌 4. ความเร่งด่วน: รีบเร่งต่อสัญญาเกินไปจริงหรือ?
การต่อสัญญาครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการดำเนินการที่ทันต่อสถานการณ์และมีความจำเป็น เนื่องจากสัญญาเดิมจะสิ้นสุดในปี 2569 (2026) และ ดอร์น่า สปอร์ต กำหนดให้ต้องแจ้งความประสงค์ต่อสัญญาล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ปี (ภายในปี 2568) การดำเนินการเจรจาในขณะนี้จึงถือเป็นการตัดสินใจที่รอบคอบ เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทยต้องเสียสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพให้กับประเทศอื่นที่กำลังรอเสนอตัว ซึ่งการจัดงานจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 28,000 ล้านบาท ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
📌 5. ยอดผู้ชมและความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ
แม้จะมีกระแสว่าผู้ชมน้อยลง แต่ กกท. เปิดเผยว่า ยอดผู้ชมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยเคยได้รับรางวัล Best Grand Prix of the Year ในปี 2561 ด้วยยอดผู้ชม 222,535 คน และเพิ่มเป็น 226,655 คน ในปี 2562 ยอดผู้ชมที่ลดลงในปี 2565 เป็นผลมาจากการจำกัดจำนวนผู้เข้าชมตามมาตรการโควิด-19 เท่านั้น ด้านความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ การจัด MotoGP 8 ปีที่ผ่านมา (2561-2568) สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยสูงถึง 24,927 ล้านบาท และสัญญาใหม่ (2570-2574) ถูกประมาณการณ์ว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มอีก 28,000 ล้านบาท
📌 6. การสนับสนุนจากภาคเอกชน: รัฐแบกภาระเกินไปหรือไม่?
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่พึ่งพางบประมาณภาครัฐในสัดส่วนที่น้อยมากสำหรับการจัด MotoGP กกท. ประสบความสำเร็จในการระดมทุนจากภาคเอกชนรายใหญ่มาสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพื่อลดภาระรัฐบาล โดยในสัญญาใหม่ (2570-2574) ยังคงตั้งเป้าระดมเงินสนับสนุนจากเอกชนกว่า 700 ล้านบาท ยืนยันว่าการบริหารจัดการเน้นการพึ่งพาเอกชนเป็นหลักมาโดยตลอด
📌 7. สถานที่จัด: ทำไมต้องเป็น 'บุรีรัมย์' และรายได้ตกถึงเอกชนหรือไม่?
กกท. ชี้แจงว่า ไม่ได้มีสัญญาจ้างกับ บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด (เจ้าของสนามช้างฯ) แต่ทางสนามได้ให้การสนับสนุน กกท. โดยอนุญาตให้ใช้สนามแข่งฟรีโดยไม่คิดค่าเช่า ซึ่งมูลค่าสูงถึง 12 ล้านบาทต่อปี รวม 6 ปี คิดเป็นมูลค่า 72 ล้านบาท ที่รัฐไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ยืนยันว่า ต้องจัดที่สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เท่านั้น เนื่องจากเป็นสนามเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองระดับ FIM GRADE A ซึ่งมีมาตรฐานสามารถจัดการแข่งขัน MotoGP ได้
📌 8. ผลประโยชน์ตอบแทน: เอื้อประโยชน์เจ้าของสนามแข่งหรือไม่?
รายได้หลักจากการจัดแข่งขันทั้งหมด (รายได้จากการจำหน่ายบัตรและเงินสนับสนุนจากเอกชน) จะถูกนำส่งเข้าสู่การบริหารจัดการโดย กกท. โดยตรง รายได้เหล่านี้จะถูกนำไปหักลบกับภาระค่าลิขสิทธิ์ที่ต้องจ่ายให้กับ ดอร์น่า สปอร์ต เพื่อลดภาระงบประมาณที่ขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐให้เหลือน้อยที่สุด กระบวนการนี้จึงยืนยันถึงความโปร่งใสและผลประโยชน์ของรัฐเป็นสำคัญ
📌 9. ความต่อเนื่อง: MotoGP ถูกสนับสนุนมาทุกรัฐบาล
การเป็นเจ้าภาพ MotoGP ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่องทุกชุด เนื่องจากตระหนักถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ประเทศที่ได้รับ
สัญญาที่ 1 (ปี 2561 – 2563): รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครม. เห็นชอบสนับสนุนค่าลิขสิทธิ์สมทบ 300 ล้านบาท สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 6,584 ล้านบาท และได้รับรางวัล Best Grand Prix of The Year ในปี 2561
สัญญาที่ 2 (ปี 2565 - 2569): รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สร้างมูลค่าเศรษฐกิจรวม 6 ปี (2561 - 2568) กว่า 24,927 ล้านบาท และประหยัดค่าเช่าสนามได้ถึง 72 ล้านบาท
สัญญาที่ 3 (ปี 2570 – 2574): กกท. จะนำเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณเป็นรายปีตามภารกิจ และประมาณการรายได้จากผู้สนับสนุนไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท

