ไทยพร้อมเปิดฤดูกาล! “โมโตจีพี 2026” ยกระดับความมันส์ ตั้งเป้าสนามแข่งที่ดีที่สุดในโลก

การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้จัดงานแถลงข่าวความพร้อมการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก “โมโตจีพี” (MotoGP) รายการ “พีที กรังด์ปรีซ์ ออฟ ไทยแลนด์ 2026” (PT Grand Prix of Thailand 2026) ซึ่งได้รับเกียรติสูงสุดให้เป็น สนามเปิดฤดูกาล เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยชูคอนเซ็ปต์ ‘More Than a Race’ ตั้งเป้าจัดงานให้ยิ่งใหญ่ สนุกสนาน และสร้างสถิติผู้ชมสูงสุด ทำลายสถิติเดิมให้ได้

งานแถลงข่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ณ ห้องประชุมชั้น 25 การกีฬาแห่งประเทศไทย (หัวหมาก) โดยมีผู้แทนจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงสื่อมวลชนเข้าร่วมกว่า 400 คน

การแข่งขัน PT Grand Prix of Thailand 2026 กำหนดจัดขึ้น ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยจะมีการ ทดสอบก่อนเปิดฤดูกาล (Pre-Season Test) ในวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์ 2569 และการแข่งขัน สนามที่ 1 (Main Race) ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม 2569 ซึ่งทันทีที่เปิดจำหน่ายบัตรวันแรก บัตรเข้าชมประเภท แกรนด์ สแตนด์ (Grandstand) ได้ทำสถิติ Sold Out ภายในเวลาเพียง 3.21 นาที

รัฐบาลเดินหน้าสานต่อ ThaiGP ดันไทยสู่ ‘ฮับมอเตอร์สปอร์ตภูมิภาค’

ดร. ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในฐานะเจ้าภาพจัดงาน เปิดเผยว่า การที่ไทยได้รับสิทธิ์จัด MotoGP เป็นปีที่ 7 และเป็นสนามเปิดฤดูกาล 2 ปีติดต่อกัน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการจัดงานของไทยที่โดดเด่น ด้วยเอกลักษณ์ความเป็นเจ้าบ้านที่อบอุ่นและสร้างบรรยากาศที่น่าจดจำ โดยมองว่า ThaiGP เป็นเครื่องมือสำคัญเชิงนโยบายที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่าน “Sport Tourism” ซึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว โรงแรม และซัพพลายเชนต่างๆ

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้ไทยต่อสัญญาเป็นเจ้าภาพออกไปอีก 5 ปี (พ.ศ. 2570–2574) ซึ่งสะท้อนเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็น “ฮับของมอเตอร์สปอร์ตในภูมิภาค” ผ่านการพัฒนานักแข่งเยาวชนและการใช้ Soft Power สื่อสารภาพลักษณ์ของประเทศไปทั่วโลก

นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งประเทศไทย ชี้ว่า การจัดการแข่งขัน MotoGP ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา สร้างรายได้หมุนเวียนกว่า 25,000 ล้านบาท และดึงดูดนักท่องเที่ยวรวมกว่า 1.2 ล้านคน โดยถือเป็นการ “ลงทุนในอนาคตของวงการกีฬาไทย” ที่สร้างอาชีพและส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งได้กลายเป็นต้นแบบ “เมืองกีฬา” ในภูมิภาคอาเซียน

ด้าน นางอัมปาโร ปอร์โต ผู้อำนวยการอาวุโส ดอร์น่า สปอร์ต (Dorna Sport) เจ้าของลิขสิทธิ์การแข่งขัน ได้ขอบคุณประเทศไทยที่มุ่งมั่นจัดการแข่งขัน ThaiGP ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสนามที่มี ผู้เข้าชมมากที่สุด ในปฏิทิน MotoGP พร้อมยกย่องประสบการณ์ของแฟน ๆ โดยเฉพาะ แฟนโซน (Fan Zone) ของไทย ที่มีกิจกรรมความบันเทิง อาหาร และพื้นที่อเนกประสงค์ ทำให้ ThaiGP เป็น “ประสบการณ์แบบครบวงจร”

PTG ทุ่มสุดตัว! มอบประสบการณ์ ‘PT GO FOR MAX’ / บุรีรัมย์พร้อม 100%

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ในฐานะ Title Sponsor ปีที่ 3 เปิดเผยว่า ด้วยสโลแกน ‘PT GO FOR MAX’ ทางบริษัทตั้งใจมอบประสบการณ์พิเศษมากมายให้กับแฟนๆ เพื่อให้ได้รับความสุขแบบ ‘MAX’ โดยเฉพาะสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตร PT Max Card Plus (บัตรแดง) รับส่วนลดซื้อบัตรเข้าชม 25% และ PT Max Card (บัตรเขียว) รับส่วนลด 20% นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรม Fan Zone, Hero Walk และ Meet and Greet ที่ PT Pavilion อย่างยิ่งใหญ่กว่าทุกปี

ขณะที่ นายปิยะ ปิจนำ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ยืนยันว่า จังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะเจ้าบ้านและเมืองหลวงแห่งมอเตอร์สปอร์ต มีความพร้อม 100% ทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค การรักษาความปลอดภัย และหัวใจของการเป็นเจ้าบ้านที่อบอุ่น พร้อมเผยว่าตลอด 6 ปีที่ผ่านมา MotoGP ได้สร้างงานให้แก่คนในพื้นที่ไปกว่า 46,000 ตำแหน่ง และเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน

ตั้งเป้าทุบสถิติผู้ชมสูงสุด และรายละเอียดบัตรเข้าชม

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต กล่าวปิดท้ายว่า ThaiGP 2026 จะจัดในคอนเซ็ปต์ ‘More than a race’ โดยจะยกระดับให้ “ยิ่งใหญ่และสนุกขึ้น” ด้วยกิจกรรมเสริมเต็มรูปแบบตลอด 3 วัน ทั้งการขยาย Fan Zone ให้ใหญ่ขึ้น และจัดเต็มคอนเสิร์ตจาก Chang Music Connection พร้อมตั้งเป้าหมายทำลายสถิติจำนวนผู้ชมสูงสุดเดิมที่ 226,655 คน ในปี 2019

สำหรับบัตรเข้าชม ThaiGP2026 แบ่งเป็น 4 ประเภทหลัก โดยสามารถเข้าชม Main Race ได้ทั้ง 3 วัน และเข้าชม Pre-Season Test ได้ฟรี:

1. แกรนด์ สแตนด์ (Grandstand): 5,000 บาท (เห็นทุกโค้งทั่วสนาม)

2. ไรเดอร์ สแตนด์ (Rider Stand): 3,000 บาท (มาร์เกซ สแตนด์, กวาร์ตาราโร สแตนด์ พร้อมของที่ระลึก)

3. ไซด์ สแตนด์ (Side Stand): 2,000 บาท

4. แบรนด์ สแตนด์ (Brand Stand): 2,000 บาท (สำหรับกองเชียร์ Honda, YAMAHA)

นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายบัตรเข้าชมเฉพาะ Pre-Season Test, บัตร 'VIP Lounge โค้ง 12‘ ราคา 20,000 บาท และบัตร “Paddock Pass” ราคา 15,000 บาท (ลด 15% เมื่อซื้อพร้อมบัตร Main Race)

แฟนความเร็วสามารถซื้อบัตรได้ที่ Counter Service All Ticket ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ allticketง