คริสเตียน ฮอร์เนอร์ อดีตหัวหน้าทีมเรด บูล เรซซิ่ง ในศึกฟอร์มูล่า วัน ได้ยุติบทบาทกับทีมอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากที่เขาถูกปลดจากตำแหน่ง โดยได้รับเงินชดเชยก้อนโตถึง 60 ล้านยูโร (ประมาณ 2,340 ล้านบาท)
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับทีมได้เปิดเผยกับ บีบีซี สื่อในประเทศอังกฤษ ว่า ฮอร์เนอร์ ซึ่งถูกไล่ออกเมื่อวันที่ 9 ก.ค.68 ที่ผ่านมา จะได้รับเงินชดเชยจำนวนดังกล่าว ซึ่งเทียบเท่ากับค่าเหนื่อยที่เหลือในสัญญากว่า 5 ปี ที่เดิมจะสิ้นสุดในปี 2030 แม้ว่าจะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการ แต่ตัวเลขนี้ถือว่าสูงเป็นพิเศษแม้จะเทียบกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทใหญ่ๆ ทั่วโลก
เบื้องหลังการถูกปลดและเงินชดเชยที่สูงลิ่ว ในการจ่ายเงินชดเชยก้อนนี้เกิดขึ้นหลังจากการเจรจาระหว่างฮอร์เนอร์และ เรด บูล (Red Bull) ซึ่งทั้งสองฝ่ายต้องหาจุดประนีประนอม หลังจากการถูกปลดจากตำแหน่งท่ามกลางความขัดแย้งภายในทีมและการเสื่อมถอยของผลงานในช่วงหลัง แม้การจ่ายเงินชดเชยลักษณะนี้อาจดูแปลก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติในวงการกีฬา โดยเฉพาะกับผู้จัดการทีมที่ถูกปลดจากตำแหน่ง เช่นกรณีของผู้จัดการทีมฟุตบอล
การจากไปของฮอร์เนอร์นับเป็นการปิดฉากยุคทองที่ยาวนานเกือบสองทศวรรษ เขานำทีมคว้าแชมป์โลกมานับไม่ถ้วน และเป็นผู้ดึงตัวยอดนักออกแบบอย่าง เอเดรียน นิวอีย์ มาร่วมทีม อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ที่เสื่อมถอยลงในช่วงหลัง โดยเฉพาะกับตระกูล เมเทสซิทซ์ และความขัดแย้งกับ ดร.เฮลมุท มาร์โค้ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่นำไปสู่การถูกปลดจากตำแหน่งในที่สุด
สำหรับอนาคตของ คริสเตียน ฮอร์เนอร์ เขาได้แสดงความต้องการอย่างชัดเจนที่จะกลับมาในวงการฟอร์มูล่า วัน แต่ไม่ใช่แค่ในฐานะหัวหน้าทีมเท่านั้น เขาต้องการมีอำนาจและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในทีม อย่างไรก็ตาม ด้วยมูลค่าของทีมฟอร์มูล่า วัน ในปัจจุบันที่พุ่งสูงถึงพันล้านปอนด์ ทำให้การจะจัดตั้งทีมใหม่หรือซื้อทีมต้องอาศัยเงินทุนมหาศาล ซึ่งถึงแม้จะมีเงินชดเชยจำนวนมาก เขาก็อาจต้องหานักลงทุนที่มีความมั่งคั่งมาร่วมด้วย
การกลับมาของฮอร์เนอร์ในอนาคตจึงยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม แม้ว่าเขาจะมีประวัติผลงานที่น่าทึ่ง แต่เรื่องราวความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในช่วงหลังก็อาจเป็นสิ่งที่เขาต้องแบกรับ และอาจเป็นอุปสรรคสำคัญในการหาพันธมิตรใหม่ในวงการนี้ได้