"มาร์ค มาร์เกซ" โชว์ฟอร์มเทพ! ผงาดแชมป์โมโต จีพี เช็กเกีย ก่อนพักเบรก

"มาร์ค มาร์เกซ" โชว์ฟอร์มเทพ! ผงาดแชมป์โมโต จีพี เช็กเกีย ก่อนพักเบรก
มาร์ค มาร์เกซ นักบิดชาวสเปนจากทีมดูคาติ เลโนโว โชว์ฟอร์มสุดแกร่งอีกครั้งในโมโต จีพี 2025 สนามที่ 12 รายการ กรังด์ปรีซ์ ออฟ เช็กเกีย ที่สนามเบอร์โน เซอร์กิต คว้าชัยชนะครั้งที่ 8 ในฤดูกาลนี้ พร้อมทิ้งห่างคะแนนในตารางประเภทนักแข่งไปอย่างขาดลอยถึง 120 แต้ม ส่วนฮอร์เก้ มาร์ติน ที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บก็กลับมาทำผลงานได้ดีเช่นกัน เตรียมพบกับการแข่งขันสนามต่อไปที่ออสเตรีย หลังพักเบรก (Summer Break)

การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโต จีพี 2025 สนามที่ 12 รายการ กรังด์ปรีซ์ ออฟ เช็กเกีย ที่สนาม เบอร์โน เซอร์กิต เมืองเบอร์โน ประเทศเช็กเกีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ในรุ่นพรีเมียร์คลาส รอบชิงชนะเลิศ

โดย "เป็กโก้" ฟรานเชสโก้ บัญญาญ่า นักบิดชาวอิตาลี จากทีมดูคาติ เลโนโว ออกสตาร์ตกริดจากตำแหน่งผู้นำ แต่ก็โดนเพื่อนร่วมทีมอย่าง มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 8 สมัยชาวสเปน จังหวะและขึ้นนำได้ตั้งแต่ช่วงต้นของการแข่งขัน และสามารถสร้างระยะห่างจากกลุ่มผู้นำได้อย่างรวดเร็ว สามารถช่วงชิงจังหวะขึ้นนำได้ตั้งแต่ต้นเรซและรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้อย่างมั่นคงตลอด 21 รอบการแข่งขัน แล้วก็เป็น มาร์ค มาร์เกซ เข้าเส้นชัยเป็นคันแรกด้วยเวลา 40 นาที 04.628 วินาที นับเป็นชัยชนะครั้งที่ 8 ของเขาในฤดูกาล 2025 นี้ ทำให้เขาทิ้งห่างคะแนนในตารางประเภทนักแข่งไปอย่างขาดลอยถึง 120 คะแนน ตามมาด้วยอันดับ 2 เป็นของ มาร์โก เบซเซคกี้ นักบิดชาวอิตาลี จากทีมอาพริเลีย เรซซิ่ง ทีม ตามหลัง 1.753 วินาที และ อันดับ 3 เป็นของ เปโดร อคอสต้า นักบิดชาวสเปน จากทีมเรด บูล แฟคทอรี่ เรซซิ่ง ตามหลัง 3.366 วินาที ส่วน ฟรานเชสโก้ บัญญาญ่า นักบิดชาวอิตาลี จากทีมดูคาติ เลโนโว เข้าเส้นชัยในอันดับ 4 ตามหลัง 3.879 วินาที 

ด้าน ฮอร์เก้ มาร์ติน แชมป์โลกปี 2024 ชาวสเปน จากอาพริเลีย เรซซิ่ง ทีม ที่พึ่งหายจากอาการบาดเจ็บไปราวครึ่งปี ก็กลับมาทำผลงานได้อย่างดีเช่นกัน เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 7 ด้วยเวลา 40 นาที 20.448 วินาที ตามหลัง 15.820 วินาที ประเดิมเก็บแต้มไป 9 คะแนน

สำหรับการแข่งขันในสนามต่อไปหลังจากที่พัก Summer Break จะกลับมาแข่งขันในรายการ กรังด์ปรีซ์ ออฟ ออสเตรีย ระหว่างวันที่ 15-17 ส.ค.68 ที่สนามเรดบูล ริง เมืองสปิลเบอร์ก ประเทศออสเตรีย 





ที่มาของภาพ : Reuters
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport