"บิ๊กปั้น" พฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ นายกราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยฯ พร้อมสนับสนุนไทยจัดซิ่งเอฟวัน รับเชียร์ให้จัดในสนามแข่งขันจริงที่ได้มาตรฐาน หากประชาชนไม่เห็นด้วยให้จัดการแข่งขันแบบสตรีทเซอร์กิตในเมือง ซึ่งยากสุดๆต่อการบริหารจัดการ รวมถึงอาจมีผลกระทบหลักใหญ่ๆทั้งเรื่องของมลพิษเสียง ควัน และความปลอดภัย
"บิ๊กปั้น" พฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ นายกราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมกีฬา ออกมาแสดงความเห็นถึงกรณีที่ประเทศไทยให้ความสนใจจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง ชิงแชมป์โลก หรือ เอฟวัน ซึ่งคาดการณ์ไว้ในปี 2028 โดยเวลานี้อยู่ในระหว่างศึกษาและสำรวจพื้นที่เพื่อจัดการแข่งขันว่า สำหรับตนมองว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ส่วนความไปได้ที่จะได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพหรือไม่นั้น ยอมรับว่าต้องดูหลายๆองค์ประกอบ
"เอฟวันในเวลานี้ เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง แต่ปัญหาของการจัดเอฟวันก็คือต้องมีการวางแผนที่ดี การจัดเอฟวันต้องมีการลงทุนที่ค่อนข้างสูง เพราะต้องมีทั้งค่าลิขสิทธิ์ ค่ามัดจำต่างๆ และสำหรับประเทศไทยต้องมีการลงทุนทำสนาม รวมถึงมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่จะมาช่วยกันจัดการแข่งขันระดับนี้ และวันนี้ประเทศไทยอยู่ในจุดเริ่มต้น ด้วยการลงนามเอ็มโอยูแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ ก็คือการเดินหน้าศึกษาความเป็นไปได้ ซึ่งก็จะดูทั้งสถานที่จัด และความพร้อมโดยรวม"
นายพฤฒิรัตน์ ยังเผยอีกว่า สำหรับประเทศไทยหากจัดในรูปแบบสตรีทเซอร์กิต ในมุมมองของตนเองที่แม้จะมองว่าสนุก แต่จะเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากมากๆ ซึ่งก็จะต้องทำสนามขึ้นมา เวลานี้
ก็มีการศึกษาพื้นที่บริเวณสวนจตุจักร ถนนวิภาวดี รังสิต ซึ่งก็จะต้องมาดูแบบละเอียดว่าคุ้มค่าและเหมาะสมหรือไม่ ตามหลักแล้วก็จะต้องมีการทำประชาพิจารณ์เพื่อสอบถามความคิดเห็นดูถึงด้านบวกและลบ ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อทำประชาพิจารณ์แล้ว คนในพื้นที่จะมีความเห็นอย่างไร และจะยอมรับให้มีสนามแข่งขันในพื้นที่บริเวณดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะปัญหาหลักๆที่จะเจอก็อาจจะเป็นเรื่องของมลพิษเสียง หรือควัน นอกจากนี้ก็อาจต้องการประสานกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องหลายภาคส่วนเพื่อขอใช้พื้นที่
"ส่วนใหญ่ประเทศที่เขาจัดกันแบบสตรีทเซอร์กิต เพราะประเทศเขาไม่มีพื้นที่ เขาก็เลยใช้พื้นที่ในการจัดเป็นสตรีทเซอร์กิต แต่ในส่วนของสนาม ถ้าเป็นสนามที่สร้างขึ้นมาเป็นมาตรฐาน ก็จะง่ายกว่า ซึ่งผมก็มองว่าถ้าเรามีสนามมาตรฐานจะเป็นสิ่งที่ยั่งยืนกว่า เพราะนอกจากจะใช้จัดการแข่งขันในระยะยาวแล้ว นี่ก็จะเป็นพื้นที่ให้นักแข่งทุกเพศทุกวัยก็จะมีสนามสำหรับฝึกซ้อม พัฒนาทักษะมอเตอร์สปอร์ตในประเภทอื่นๆด้วย แต่สำหรับในบ้านเราก็ยังมีปัญหาตรงที่ว่า ตอนนี้มีสนามมาตรฐานดังกล่าวเพียงสนามเดียวที่บุรีรัมย์ ซึ่งหากจะสร้างหรือลงทุนเพิ่มเพื่อใช้ในระยะยาว ก็ต้องใช้งบจำนวนไม่น้อย รวมถึงต้องดูว่าจะมีการลงทุนจากภาคส่วนใดบ้าง และจะเริ่มสร้างได้เมื่อไหร่"
"ส่วนการจะไปจัดเอฟวันที่ถนนบริเวณหาดบางแสนนั้นในแบบสตรีทเซอร์กิตก็ยิ่งยากเลย เพราะเอฟวันคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัย ความกว้างของสนาม โค้ง ซึ่งที่บางแสนนั้นมาตรฐานไม่ผ่านเกณฑ์ ผมมองว่าไม่เหมาะสม เพราะการแข่งขันเอฟวัน รถมีความเร็ว และอันตรายมาก หากใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดการแข่งขัน ซึ่งสนามบางแสนก็จะเหมาะกับการแข่งขันในรายการอื่นๆที่รถแข่งไม่ได้มีความเร็วสูงเท่ากับเอฟวัน"