สหรัฐฯ เชือดไทยชนะ 4 แมตช์รวด นำจ่าฝูงกลุ่มเอ ศึกกอล์ฟฮันฮวา อินเตอร์เนชันแนล คราวน์

สหรัฐฯ เชือดไทยชนะ 4 แมตช์รวด นำจ่าฝูงกลุ่มเอ ศึกกอล์ฟฮันฮวา อินเตอร์เนชันแนล คราวน์
ทีมกอล์ฟสาวสหรัฐอเมริกาโชว์ฟอร์มสมราคา ทีมมือวางอันดับ 1 เอาชนะทีมไทยทั้งสองแมตช์ในรอบแบ่งกลุ่มวันที่สอง ศึก "ฮันฮวา อินเตอร์เนชันแนล คราวน์" ที่เกาหลีใต้ คว้าชัย 4 แมตช์รวด นำจ่าฝูงกลุ่มเออย่างเหนือชั้น

ทีมกอล์ฟสาวสหรัฐอเมริกา โชว์ความแข็งแกร่งสมฐานะแชมป์เก่า เอาชนะทีมไทยได้ทั้งสองแมตช์ในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ วันที่สองของศึก "ฮันฮวา อินเตอร์เนชันแนล คราวน์" ที่ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม ทำให้สหรัฐคว้าชัยรวด 4 แมตช์ เก็บ 4 คะแนนเต็ม รั้งจ่าฝูงของกลุ่มเอ

การแข่งขันวันที่สองยังคงเล่นในรูปแบบโฟร์บอล โดยทีมไทย แชมป์เก่าปี 2023 ทีมวางอันดับ 5 ส่งคู่เดิม "จีโน่" อาฒยา ฐิติกุล มือ 1 ของโลก จับคู่กับ "เมียว" ปาจรีย์ อนันต์นฤการ พบกับ เยลีมี โนห์ และ แองเจิล หยิน จากสหรัฐ ซึ่งอาฒยามีสถิติชนะ 6 แมตช์ติดต่อกันตั้งแต่ปี 2023

คู่นี้สหรัฐออกนำก่อน 2 อัพหลัง 4 หลุมแรก แม้ทีมไทยจะตีคืนในหลุม 5 และ 6 กลับมาเสมอ แต่โนห์และหยินเร่งเครื่องคว้าชัย 5 และ 4 ส่งผลให้อาฒยาแพ้เป็นครั้งแรกในศึกอินเตอร์เนชันแนล คราวน์

อีกคู่ ลีเลีย หวู แชมป์เมเจอร์ และ ลอเรน ค็อกลิน แชมป์แอลพีจีเอของสหรัฐ เอาชนะ ชเนตตี วรรณแสน และ จัสมิน สุวัณณะปุระ ไป 3 และ 2 ทำให้ทีมสหรัฐชนะทั้งสี่แมตช์จากสองวันแรก เก็บ 4 คะแนนเต็ม นำโด่งกลุ่มเอ

ส่วนอีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน ออสเตรเลีย ทีมวางอันดับ 4 พบ จีน อันดับ 8 ผลปรากฏว่า จีนได้แต้มแรกจากคู่ของ หยิน ยั่วหนิง และ หลิว ยุ่นซิน ที่เฉือนชนะ ฮันนาห์ กรีน กับ เกรซ คิม 1 อัพ ขณะที่ อี มินจี กับ สเตฟานี คีเรียคู เอาชนะคู่จีนอีกทีม 2 และ 1 ส่งผลให้ออสเตรเลียมี 2 คะแนน จีนและไทยมีทีมละ 1 คะแนน

ด้านกลุ่มบี ทีมเวิลด์ ยังคงนำเป็นจ่าฝูง มี 3 คะแนน หลัง ลีเดีย โค และ ชาร์ลี ฮัลล์ เอาชนะ คิม ฮโย-จู กับ ชเว ฮเย-จิน 1 อัพ ส่วนอีกคู่ ซวี เว่ย-หลิง กับ บรูค เฮนเดอร์สัน เสมอกับ โค จิน-ยอง และ ยู เฮ-รัน ทีมเกาหลีใต้

โปรแกรมวันที่สาม วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นแมตช์สุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม โดยกลุ่มเอ ไทยพบจีน และออสเตรเลีย พบ สหรัฐอเมริกา ส่วนกลุ่มบี ญี่ปุ่น พบ เกาหลีใต้ และทีมเวิลด์ พบ สวีเดน ก่อนจะคัดสองทีมอันดับสูงสุดของแต่ละกลุ่มเข้าสู่รอบรองชนะเลิศต่อไป 





ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport