อำนาจ รื่นเริง กับ 5 ไฟต์ในความทรงจำ

อำนาจ รื่นเริง กับ 5 ไฟต์ในความทรงจำ
เชื่อว่าแฟนกีฬาคงจะทราบเหตุการณ์ดราม่าของ “เพชร” อำนาจ รื่นเริง อดีตฮีโร่นักชกชาวไทยกันไปแล้ว หลังมีคลิปเจ้าตัวเมาขาดสติจนทะเลาะวิวาทกับชายวัยรุ่นคนหนึ่งจนกลายเป็นไวรัล

คลิปดังกล่าว ถูกวิพากย์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ซึ่งกระแสสังคมส่วนใหญ่ ได้ต่อว่าอดีตกำปั้นไทยที่เคยคว้าเข็มขัดแชมป์โลกอย่างหนัก ในข้อหาเมาจนขาดสติ พร้อมกับเป็นฝ่ายเข้าไปหาเรื่องก่อน

เรื่องนี้ได้ทำให้อดีตนักชกทีมชาติไทยหลายคน รวมไปถึงแฟนกำปั้นชาวไทย ต่างรู้สึกใจหายกันไปตามๆกัน เพราะไม่เชื่อในสายตาว่า อดีตฮีโร่แห่งวงการกำปั้นเมื่อวันวาน จะมีสภาพเป็นเช่นนี้ จน “เสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ บิ๊กบอสแห่งค่ายเพชรยินดี ได้โพสต์เรียกร้องให้ภาครัฐ ช่วยเข้าไปดูแลด้วยการพา อำนาจ ไปบำบัดรักษา เพื่อช่วยอดีตวีระบุรุษนักชกไทยผู้นี้ กลับมาอยู่ในสภาพดังเดิมอีกครั้ง

ในอดีตที่ผ่านมา อำนาจ รื่นเริง ที่เริ่มชกมวยไทยตั้งแต่เด็กในชื่อ “เพชร ต.บางแสน” หรือ “เพชร ป.บูรพา” ได้สร้างผลงานโดดเด่นไว้มากมาย ทั้งในเวทีมวยสากลสมัครเล่น และบนสังเวียนมวยสากลอาชีพ เชื่อว่าแฟนกีฬาน่าจะจำกันได้เป็นอย่างดี

วันนี้ สยามสปอร์ตจะถือโอกาสนำ 5 ไฟต์แห่งความทรงจำของ อำนาจ รื่นเริง มาให้คนรักกีฬาทั้งหลาย ได้หวนระลึกถึงวีรกรรมของเขาอีกครั้ง

คว้าเหรียญทองแดงชิงแชมป์โลก 2007

ย้อนกลับไปในศึกมวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์โลก  2007 ซึ่งในครั้งนั้นจัดขึ้นที่นครชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา อำนาจ รื่นเริง ที่ ณ เวลานั้นเป็นที่จับตามองมาก เนื่องจากเพิ่งออกจากทัณฑสถานหมาดจากคดีวิ่งราว และสามารถติดทีมชาติทัพกำปั้นไทย ด้วยผลงานโดดเด่น จากการคว้าเหรียญทองกีฬาราชทัณฑ์ 2 ปีซ้อน จนผลงานเข้าตา “เสธ.วีป” พล.อ.ทวีป จันทรโรจน์ นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยในยุคนั้น

ไม่มีใครคิดว่า อดีตผู้ต้องขัง จะผ่านเข้ามาถึงในรอบ 8 คนสุดท้าย ของรุนไลท์ฟลายเวต 48 กก.ชาย และในรอบดังกล่าว ซึ่งเป็นไฟต์ชี้ชะตาว่าจะคว้าเหรียญหรือไม่ เขาได้โคจรมาพบกับ โฮวานเนส ดาเนียลยาน จากอาร์เมเนีย ปรากฏว่า อำนาจ เป็นฝ่ายออกหมัดเข้าเป้ามากกกว่า(ตอนนั้นยังใช้กติกาเดิมที่นับตามจำนวนหมัดที่ชกเข้าเป้า) ก่อนจะเอาชนะไปได้ 18-6 คะแนน การันตีคว้าเหรียญทองแดง

แม้รอบต่อมาจะพ่ายต่อ แฮร์รี่ ทานามอร์ จากฟิลิปปินส์ 8-16 หมัด ทว่าการคว้าเหรียญทองแดงชิงแชมป์โลกหนนั้น ได้ทำให้เขาแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัว เปลี่ยนสถานะจากอดีตนักโทษในคุก มาสู่นักชกทีมชาติไทยอย่างเต็มตัว

คว้าเหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ 2010

ในโอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน แม้ อำนาจ รื่นเริง จะไปไม่ถึงเหรียญรางวัล หลังตกรอบ 8 คนสุดท้ายไปอย่างน่าเสียดาย จากการพ่ายต่อ เซอร์ดัมบา พูเรฟดอร์ยิน จากมองโกเลีย 2-5 คะแนน 

ทว่าอีก 2 ปีให้หลังในศึกเอเชียนเกมส์ 2010 ที่นครกวางโจว ประเทศจีน อำนาจ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่รอบ 16 คนที่เอาชนะ อาซัต อูเซนาลิเยฟ จากคีร์กีซสถานไปอย่างขาดลอย 9-1 คะแนน ต่อด้วยรอบ 8 คนที่ไล่ต้อน ซุง ซอง กุ๊ก จากเกาหลีใต้ถึง 12-3 คะแนน 

แต่ในรอบรองชนะเลิศ ได้โคจรมาพบกับตัวเต็งอย่าง โจว ซื่อ หมิง จากเจ้าภาพ ที่มีดีกรีคว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2008 จึงพ่ายไป 2-5 คะแนน อย่างก็ตาม การคว้าเหรียญทองแดงเอเชียนเกมส์ครั้งดังกล่าวมาครอง ก็นับว่าเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมแล้ว เนื่องจากในเวลานั้น นักชกไทยต่อยแล้วแต้มขึ้นยากมาก อันมาจากผลพวงที่ “เสธ.วีป” พล.อ.ทวีป จันทรโรจน์ นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยในเวลานั้น มีปัญหากับสหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ(ไอบา)

คว้าแชมป์โลกสถาบันหลัก IBF

จากการที่ “เสธ.วีป” ต้องอำลาจากตำแหน่งนายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯ เพราะโดนไอบาบีบ ส่งผลให้ อำนาจ อำลาการเป็นนักมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทยตามไปด้วย เพราะจงรักษ์ภักดีกับ เสธ.วีป ผู้เป็นนาย และได้ก้าวไปสู่การเป็นนักมวยสากลอาชีพอย่างเต็มตัว

แม้จะปรับตัวยากกับการชกบนเวทีอาชีพแต่ อำนาจ ใช้เวลาเพียง 8 ไฟต์เท่านั้น ก็สามารถคว้าเข็มขัดแชมป์ IBF เอเชียในรุ่นฟลายเวต 112 ปอนด์มาครอง และเมื่อเข้าสู่ไฟต์ที่ 12 เขาได้มีโอกาสขึ้นชิงเข็มขัดแชมป์สหพันธ์มวยนานาชาติ(IBF) ซึ่งเป็น 1 ใน 4 สถาบันหลัก โดยได้ดวลกำปั้นกับ ร็อกกี้ ฟูเอนเตส จากฟิลิปปินส์ ที่ลิปตพัลลภฮอลล์ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 22 ม.ค.2014 ก่อนจะเอาชนะคะแนนไปอย่างเป็นเอกฉันท์ พร้อมกับคว้าแชมป์โลกสถาบันหลักมาครองได้สำเร็จ แถมยังได้รับการยกย่องจากที่ประชุม IBF ที่แอตแลนติกซิตี รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา ให้เป็นนักมวยยอดเยี่ยมของทวีปเอเชียอีกด้วย

สอนมวย อิโอกะ ดาวรุ่งญี่ปุ่นคาแดนซามูไร

หลังจากคว้าแชมป์ IBF รุ่น 112 ปอนด์ อำนาจ ต้องป้องกันตำแหน่งแชมป์กับ คัตสึโตะ อิโอกะ ดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งวงการกำปั้นญี่ปุ่น ด้วยสถิติชนะรวด 14 ไฟต์ แถมยังมีดีกรีเป็นแชมป์รุ่นไลท์ฟลายเวต 108 ปอนด์ของสมาคมมวยโลก(WBA) โดยการชกมีขึ้นที่บอดี้เมคเกอร์ โคลอสเซียม เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2014

แม้เซียนมวยโลกจำนวนไม่น้อยจะมองว่า อำนาจ มีโอกาสเสียเข็มขัดแชมป์ เพราะนอกจากฟอร์มของเจ้าอิโอกะในเวลานั้นจะดีแล้ว ยังชกที่ญี่ปุ่นอีกต่างหาก ทว่าตลอดทั้ง 12 ยก กำปั้นชาวเมืองชลอาศัยจังหวะฝีมือถอยดักชกจน อิโอกะ ไปไม่เป็น ก่อนจะเอาชนะคะแนนไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 2-1 เสียง โดยกรรมการให้คะแนนที่ให้ อิโอกะ ชนะ โดนวิจารณ์อย่างหนัก

ล้างแค้น โจว ซื่อ หมิง บนเวทีอาชีพ

หลังจากป้องกันแชมป์มา 2 ไฟต์ อำนาจ รื่นเริง ได้รับโอกาสให้เดินทางไปชกป้องกันตำแหน่งแชมป์กับ โจ ซื่อ หมิง ฮีโร่กำปั้นชาวจีน ดีกรีเหรียญทองโอลิมปิก 2 สมัย(2008 และ 2012) ที่ตอนนั้นเพิ่งเทิร์นโปรชกอาชีพ ด้วยสถิติการชกชนะรวด 6 ไฟต์ ที่เขตปกครองพิเศษมาเก๊า เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2015

สตอรี่ที่น่าสนใจของไฟต์นี้ คือการที่ อำนาจ กับ เจ้าหมิง โคจรมาเจอกันอีกครั้งบนเวทีมวยอาชีพ หลังเคยดวลกันมาแล้วในมวยสากลสมัครเล่น และ อำนาจ มักจะเป็นฝ่ายแพ้ 

อีกทั้ง โจ ซื่อ หมิง ผู้นี้ ก็เพิ่งทำแสบกับแฟนมวยชาวไทยในโอลิมปิก 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จากการเอาชนะ แก้ว พงษ์ประยูร ในรอบชิงรุ่นไลท์ฟลายเวต 49 กก.ชายไปอย่างค้านสายตา

แม้จะพลาดร่วงให้กรรมการนับ 8 ในยกที่ 2 แต่ช่วงเวลาที่เหลือ อำนาจ ดักชกต้อน โจ ซื่อ หมิง แทบจะฝ่ายเดียว จนเอาชนะคะแนนไปอย่างเป็นเอกฉันท์ ดับฝัน โจ ซื่อ หมิง ในเวลานั้น ที่จะก้าวขึ้นมาครองเข็มขัดแชมป์โลกสถาบันหลัก



ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport