ONE จัดเต็มความสนุกมอบให้แฟนกีฬาต่อสู้ใน 195 ประเทศทั่วโลก ในศึกใหญ่ไตรมาส 3 ONE ลุมพินี 126 ยกทัพนักกีฬามากความสามารถร่วมแสดงพลังแน่นเต็มรายการ ถ่ายทอดสดจากสนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในวันศุกร์ที่ 26 ก.ย.นี้ เริ่มคู่แรกเวลา 19.30 น.
ในช่วงบ่ายวันอังคารที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ONE จัดงานแถลงข่าวจัดขึ้นในรูปแบบ Virtual Press Conference ซึ่งมีสื่อมวลชนหลายสำนักเข้าร่วมงาน โดยเหล่านักสู้ในคู่ไฮไลต์ของรายการนี้ ได้เปิดเผยถึงความพร้อมล่าสุดของตัวเองให้ทุกคนได้ทราบกัน
อิเลียส : “ผมไม่รู้สึกกดดันหรือมีความกังวลอะไร แม้จะห่างหายจากสังเวียนไปนาน และการเจอคู่ชกที่สูงกว่าอย่าง นาบิล ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับผม ผมเคยเจอคู่ชกตัวสูงกว่าผมมาแล้วมากมายและก็เอาชนะมาได้ คู่ซ้อมของผมก็สูงกว่าผมทั้งนั้น ผมเข้าใจว่าสำหรับคนไทย ความสูงของ นาบิล อาจเป็นปัญหา แต่ผมไม่กังวล ไฟต์นี้ ผมมั่นใจในสภาพร่างกายมากและทุกคนจะได้เห็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของผมแน่นอน”
นาบิล : “ไฟต์นี้คือก้าวแรกสู่กติกาคิกบ็อกซิ่ง เพราะเป็นครั้งแรกใน ONE ผมว่าการข้ามมาชกกติกานี้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ขึ้นอยู่กับคู่ชกมากกว่า สำหรับ อิเลียส ผมยอมรับว่าเขาเก่งมากเพราะเคยชนะทั้ง ซุปเปอร์เล็ก และ ฮิโรกิ ผมดีใจที่ได้ชกกับคนเก่ง ๆ เพราะถ้าผมเอาชนะเขาได้ก็ถือเป็นการพิสูจน์ว่าผมเก่งเหมือนกัน ผมจะสู้ในแบบของตัวเองและมั่นใจว่าผมทำได้แน่นอนครับ”
ชาโด้ : “ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้ชกต่อเนื่อง เพราะไฟต์ล่าสุดไม่ได้เจ็บอะไรมาก ไฟต์นี้ชกคิกบ็อกซิ่งครั้งแรก ผมต้องปรับตัวเยอะพอสมควร พยายามไม่จับขาและฟันศอก แต่ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรมาก ตั้งใจทำทุกไฟต์ให้เต็มที่ ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ใหม่ที่จะได้เรียนรู้ เผื่ออนาคตจะข้ามมาชกคิกบ็อกซิ่งบ่อย ๆ ครับ”
หลิว เมิงหยาง : เดิมที ผมวางแผนมาสู้กับ ตะวันฉาย โดยเฉพาะ แต่เมื่อต้องเปลี่ยนคู่ชกใหม่เป็น ชาโด้ ก็ไม่ได้กังวลอะไร พร้อมสู้เต็มที่ ชาโด้ มีอาวุธหมัดดี แต่ที่ผ่านมาเขาเคยชกแต่มวยไทย และนี่เป็นการชกกติกาคิกบ็อกซิ่งครั้งแรกของเขา ดังนั้น ประสบการณ์ของผมเหนือกว่าแน่นอนครับ”
เสกสรร : “ไฟต์นี้ผมจะพยายามเดินชนชวนทะเลาะออกอาวุธไปเรื่อย ๆ เพราะผมเห็นจุดอ่อนของ เสือแบล็ค ว่าถ้าโดนเดินเบียดเข้าไปแรง ๆ อาจจะโรยลง ซึ่งจะทำให้ผมเอาชนะได้ โดยต่อจากนี้ผมจะยังชกไปเรื่อย ๆ ถ้าร่างกายยังไหวก็จะอยู่บนสังเวียนต่อไป และทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครับ”
เสือแบล็ค : “สำหรับผม การชกมวยไทยและคิกบ็อกซิ่งไม่ได้แตกต่างกันมาก แค่ตัดอาวุธศอกกับการปล้ำตีออกไปเท่านั้น การได้ชกกับ พี่เสกสรร ถือว่ามีความหมายสำหรับผม เขาเป็นนักมวยที่ใคร ๆ ก็รู้ว่าสู้ได้บู๊ดุดัน ทรหด ครั้งนี้ผมได้โอกาสขึ้นมาโชว์ฝีมือก็จะทำให้ดีที่สุด แม้ผมจะไม่สามารถบอกได้ว่าไฟต์นี้จะจบลงแบบไหน แต่คิดว่าสู้กันสนุกแน่นอนครับ”
แสงอาทิตย์ : “สองไฟต์ที่ผ่านมายอมรับว่ากดดันพอสมควร ครั้งที่ 3 นี้น่าจะปรับตัวและยืดหยุ่นกับสถานการณ์บนเวทีได้ดีกว่าเดิม ไฟต์นี้ ผมพร้อมแลก ไม่เป็นผมก็เขาที่ต้องร่วงกันไปข้างหนึ่ง ผมอยากแสดงให้ทุกคนเห็นว่าผมเป็นนักกีฬาคนหนึ่งที่ตั้งใจอยากพัฒนาตัวเอง อยากเป็นนักกีฬาที่เก่งขึ้นในทุก วันครับ”
อาลี : “แม้จะถูกมองว่าเป็นรอง แต่ผมพร้อมพิสูจน์ฝีมือกับ แสงอาทิตย์ ผมเตรียมหมัดกับเข่าไว้เล่นงานไว้แล้วในไฟต์นี้ แสงอาทิตย์ มีหมัดหนักก็จริง แต่ผมเชื่อว่าผมหมัดหนักกว่า และผมจะชกตามแผนที่เตรียมมาเพื่อเอาชนะให้ได้”
ยอดเหล็กเพชร : “ครั้งก่อนที่ว่าสนุกมากแล้ว รอบนี้ต้องเดือดไม่แพ้กัน ผมเตรียมความพร้อมมาสู้ทุกอย่าง เพราะอยากให้เกมออกมามันที่สุด เราต่างมีอาวุธคล้ายกัน และอยากได้ชัยชนะทั้งคู่ ถ้าผมชนะไฟต์นี้ อยากทำฟอร์มต่อไปเพื่อให้เข้าใกล้สัญญา ONE มากที่สุดครับ”
ป้อมเพชร : “ไฟต์นี้ผมเตรียมร่างกายมาเป็นลำดับแรก รวมถึงอาวุธและความแม่นยำ ส่วนรูปเกมน่าจะสู้ในสไตล์เดิมแต่ครั้งนี้จะปักหลักสู้ตั้งแต่ต้นยก ถ้าเอาชนะ พี่ยอดเหล็กเพชร ได้ เป้าหมายต่อไปของผมในรุ่น 135 ป. คือ อยากเจอกับคนที่ทำให้เรามีสิทธิ์ได้คว้าสัญญา ONE มากขึ้นครับ”
เท่านั้นยังไม่พอ ศึกนี้ยังมีนักกีฬาสายเลือดไทยร่วมแสดงฝีมืออีกหลายคู่ให้ติดตามเชียร์แบบจุใจ ได้แก่ “สามเอ ไก่ย่างห้าดาว” พบ “ตุย ลิน ทัต” จากเมียนมา, “เมืองไทย พีเค.แสนชัย” พบ “แอนตาร์ คาเซม” จากฝรั่งเศส-เบลารุส, “ปตท. อภิชาติฟาร์ม” พบ “อาเลสสิโอ มาลาเทสตา” จากอิตาลี, “ยูนิส อานาน” พบ “ฮุน ฮวาง ฟี” จากเวียดนาม และ “อดัม ส.เดชะพันธ์” พบ “โทมะ คุโรดะ” จากญี่ปุ่น
ศึก ONE ลุมพินี 126 บัตรจำหน่ายหมดแล้ว โดยแฟนกีฬาชาวไทยสามารถติดตามรับชมการถ่ายทอดสดผ่านทาง Watch.ONEFC.com (บางประเทศ), Facebook & YouTube ONE (บางประเทศ) เริ่มคู่แรกเวลา 19.30 น. ส่วนทางช่อง 7HD กด 35 (ภาษาไทย) เริ่ม 20.30 น.