ทัพนักชกไทยสร้างผลงานกระหึ่มในศึก มวยไทยทหารโลก 2025 คว้า 9 เหรียญทองจาก 1st CISM Military Muaythai Challenge ที่กรุงเทพฯ ด้าน ดร.สุทิน คลังแสง ยกเป็นความสำเร็จระดับชาติ พร้อมเดินหน้าส่งทีมลุย กีฬาทหารโลก 2027 ที่สหรัฐอเมริกา
การแข่งขันกีฬามวยไทยทหารโลก ครั้งที่ 1 รายการ 1st CISM Military Muaythai Challenge โดยมีนักกีฬามวยไทยทหาร 11 ประเทศเข้าร่วมกว่า 500 คน ที่พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพฯ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 12 ก.ค.2568 เป็นการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ และได้มีพิธีปิดการแข่งขัน โดยมี พันเอกหม่อมเจ้า นวพรรษ ยุคล ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษา สหพันธ์สมาคมมวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ (IFMA) และ ดร.สุทิน คลังแสง นายกสมาคมส่งเสริมกีฬาทหาร (ประเทศไทย) เข้าร่วมในพิธี
ภายในงานได้รับเกียรติจาก พันเอก โคโลเนล นิลสัน โกเมส โรลิม ฟิลโฮ ประธานสหพันธ์กีฬาทหารโลก (CISM) พร้อมด้วย ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านการกีฬา และประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ, ดร.วนิดา พันธ์สอาด รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ประธานสหพันธ์สมาคมมวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ (IFMA) และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมด้วย
ดร.สุทิน คลังแสง นายกสมาคมส่งเสริมกีฬาทหาร (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า โดยภาพรวมการแข่งขันมวยไทยทหารโลกครั้งแรกนี้ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชาติสมาชิกที่ร่วมชิงชัย และทุกอย่างดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย สิ่งที่อยากเน้นคือเท่าที่ได้สังเกตุแม้จะจัดเป็นครั้งแรก และเราได้บอกชาติสมาชิกได้ทราบล่วงหน้าและเตรียมตัวเพียง 4 เดือน แต่ก็ได้เห็นนักชกทหารต่างชาติมีทักษะมวยไทยดีมาก นั่นแสดงว่าเขามีความสนใจมวยไทยมานาน และฝึกซ้อมกันมาอยู่เป็นประจำ ฉะนั้นเป็นตัวชี้วัดว่ามวยไทยเราได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย นี่คือความสำเร็จที่เราภูมิใจมาก และถ้านับกับการที่มวยไทยได้เข้าบรรจุในกีฬาทหารโลก ปี 2027 ที่สหรัฐอเมริกา ยิ่งเป็นความสำเร็จที่น่าภูมิใจมาก
ในส่วนผลการแข่งขันนั้น คู่ไฮไลต์อยู่ที่ รุ่น 60 กก.หญิง "เฟี้ยว" จ.ท.หญิง ปุณณ์รวี รื่นรส นักมวยสากลสมัครเล่นของไทยที่เคยผ่านโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ญี่ปุ่น และโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส กลับมาขึ้นเวทีชกมวยไทยเพื่อรับใช้ต้นสังกัดอย่างทหารอากาศ ขึ้นชกรอบชิงชนะเลิศพบกับ ซานดร้า คริสตีน่า จากโปแลนด์ ซึ่งปรากฏว่า ปุณณ์รวี เดินหน้ารัวหมักจนเอาชนะน็อกได้ในยกสอง และคว้าเหรียญทองไปครองได้ตามความคาดหมาย ขณะที่ ซานดร้า คริสตีน่า ส่วนเหรียญทองแดง เอซกี้ เคเลส (ตุรกี) และมาเฮชิก้า คูมารี (ศรีลังกา)
ขณะที่รุ่น 54 กก.ชาย ส.อ.ธงชัย หัวนาค หรือฉายามวยไทย "เขี้ยว พรัญชัย" วัย 28 ปี สังกัดกองทัพบก ขึ้นเวทีเจอกับ อับดุลลา จามาล อิซา อาลี จากบาห์เรน ซึ่งการชกในยกแรกเริ่มได้ไม่ถึงนาทีเป็นทาง ธงชัย เดินหน้าสาดแข้งเตะใส่ขาของนักชกบาห์เรนร่วงลงไปกอง และเป็นฝ่ายเอาชนะน็อกตั้งแต่ยกแรก ส่งผลให้ ธงชัย คว้าเหรียญทองไปครอง ขณะที่ อับดุลลา จามาล อิซา อาลี ได้เหรียญเงิน ส่วนเหรียญทองแดง จิอันนี่ เด เลอ (เบลเยียม) และอเดล คาลลี (ปาเลสไตน์)
ด้านผลรอบชิงชนะเลิศคู่อื่นๆ มีดังนี้ รุ่น 51 กก.หญิง จ.ต.หญิง ทิพย์สัจจา ยอดวารี แพ้คะแนน เซห์ร่า โดกัน (ตุรกี) ส่วนเหรียญทองแดง ปิอัมมี บูลาชซินฮาลาจ (ศรีลังกา), รุ่น 54 กก.หญิง อส.ทพ.หญิง นพรัตน์ บุญปลื้ม แพ้คะแนน เซลิย่า โดกัน (ตุรกี) ส่วนเหรียญทองแดง ซานดร้า ดราบิค (โปแลนด์) และซานดาลี มูดียานเซเลจ (ศรีลังกา), รุ่น 57 กก.หญิง จ.ท.หญิง อภิษฎา ทันท่าหว้า ชนะคะแนน เซฟกี้ โดกัน (ตุรกี) ส่วนเหรียญทองแดง ชานดานี จายามาล (ศรีลังกา) และอลิซย่า เคลเมอร์ (โปแลนด์), รุ่น 63.5 กก.หญิง "เมษา" จ.ต.หญิง นิลาวัลย์ เตชะสืบ ชนะคะแนน ซูเดนนูร์ บาซานชี่ (ตุรกี) ส่วนเหรียญทองแดง รูวานี่ ชานดานี (ศรีลังกา) และโดมินิก้า ฟิเลช (โปแลนด์)
รุ่น 51 กก.ชาย พลฯ วุฒิพงษ์ กล้วยนิจ แพ้คะแนน อิสโมลิโยนอฟ ดิยอร์เบค (อุซเบกิสถาน) ส่วนเหรียญทองแดง บาเวอร์ โอนาล (ตุรกี) และอาลี ฮาคามี่ (ซาอุดีอาระเบีย), รุ่น 57 กก.ชาย อส.ทพ.สิทธิศักดิ์ เกื้อแก้ว ชนะผ่าน อาลี โมฮัมเหม็ด อบูฮามดา (บาห์เรน) หลังคู่แข่งบาดเจ็บข้อเท้า ส่วนเหรียญทองแดง ฮาซานธ่า เซนาราชเนจ (ศรีลังกา) และอับดุล อูกูร์ลู (ตุรกี), รุ่น 60 กก.ชาย อส.ทพ. ชูศักดิ์ ติดใจดี ชนะคะแนน เบคีร์ คาราเมลิโอกลู (ตุรกี) ส่วนเหรียญทองแดง ดาเมี่ยน โรลล์ (โปแลนด์) และมาเดคฮียานอฟ ซานดอส (คาซัคสถาน), รุ่น 63.5 กก.ชาย "ธนูเพชร ว.สังข์ประไพ" ส.อ.อับดลมาเล็ก ทิ้งน้ำรอบ ชนะคะแนน โยคูบอฟ ซูลิกอร์ (อุซเบกิสถาน) ส่วนเหรียญทองแดง ชามิก้า ซานดอน (ศรีลังกา) และอาเมียร์ เอมิล (ปาเลสไตน์)
รุ่น 67 กก.ชาย อส.ทพ.ณัฐพล แสนกล้า ชนะคะแนน ยาฮอนกีร์ มูฮิดดินอฟ (อุซเบกิสถาน) ส่วนเหรียญทองแดง วิราช ซามินดา (ศรีลังกา) และซาอุด อัลมาร์รี (ซาอุดีอาระเบีย), รุ่น 71 กก.ชาย ซีมอน คาลุซนี่ (โปแลนด์) ชนะคะแนน เอนกิน ออซเซลิค (ตุรกี) ส่วนเหรียญทองแดง อาห์เหม็ด อัลมูฟฟาร์รีฟ (ซาอุดีอาระเบีย) และพลฯ ปริเยส โมราเจริญ, รุ่น 75 กก.ชาย จ.ส.ท.ศุภกิจ จตุเทน แพ้คะแนน ฮอสไซน์ ฟาราฮานี่ (อิหร่าน) ส่วนเหรียญทองแดง โอกุซ เซเวอร์ (ตุรกี) และรายิมอฟ อิสลอม (อุซเบกิสถาน), รุ่น 81 กก.ชาย อส.ทพ. อภิชิต พิมเสน ชนะน็อกยกสอง นาสซิปคาลิเยฟ อาลี (คาซักสถาน) ส่วนเหรียญทองแดง มิลอสซ์ โปกุชคี (โปแลนด์) และปูลาตอฟ ดิยอร์ (อุซเบกิสถาน), รุ่น 91 กก.ชาย มูรัต อาฟซี (ตุรกี) ชนะน็อกยกสอง ครีซตอฟ สตาเวียร์สกี้ (โปแลนด์) ส่วนเหรียญทองแดง โคลิธ่า มาดูซานก้า (ศรีลังกา)
สรุปผลงานของนักกีฬาของไทยในการแข่งขันกีฬามวยไทยทหารโลก ครั้งที่ 1 สร้างผลงานยอดเยี่ยมด้วยการกวาดไปได้ถึง 9 เหรียญทอง ขณะรองลงมาเป็นทางตุรกี เจ้าภาพครั้งต่อไป คว้าได้ 3 เหรียญทอง ส่วนทาง อุซเบกิสถาน, โปแลนด์ และอิหร่าน คว้าไปได้ชาติละ 1 เหรียญทอง
สำหรับการแข่งขันกีฬามวยไทยทหารโลก ครั้งที่ 1 รายการ 1st CISM Military Muaythai Challenge นั้น เป็นการบูรณาการทำงานร่วมกันของ กองทัพไทย ร่วมกับสมาคมส่งเสริมกีฬาทหาร (ประเทศไทย) ในการเป็นหน่วยงานหลักในการจัดการแข่งขันโดยมีสหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ (IFMA) มอบหมายให้สมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ ดูแลมาตรฐานการแข่งขัน โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ผ่านสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย กกท. และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์เรื่องกีฬามวยไทย รวมไปถึงได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน), สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล การแข่งขันกำหนดจัดขึ้น ที่พารากอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน กทม. ระหว่างวันที่ 10-13 ก.ค. 2568 ซึ่งนอกเหนือจากการจัดการแข่งขันมวยไทยทหารโลกแล้ว ยังมีการสอนไหว้ครู และแม่ไม้มวยไทยอีกด้วย