Gravel Bike vs MTB: ใครคือคู่แท้บนเส้นทางออฟโรด?

แม้จักรยานทั้งสองประเภทจะถูกสร้างมาเพื่อการปั่นบนเส้นทาง off-road เหมือนกัน แต่ก็มีเอกลักษณ์ที่ต่างกันอย่างชัดเจน

กราเวลไบค์ยุคใหม่เริ่มเข้าใกล้เสือภูเขามากขึ้น ใช้ยางหน้ากว้าง มีการนำล้อของเสือภูเขามาใช้ทั้งขนาด 29” และ 650B ตะเกียบหน้าบางรุ่นมีโช้คคล้ายสือภูเขา ส่วนเสือภูเขาเองก็รับอิทธิพลจากกราเวลไบค์ เช่น การใช้ชิฟเตอร์แบบเสือหมอบ ทำให้เส้นแบ่งระหว่างทั้งสองประเภทพร่าเลือนมากขึ้น

Geometry: ตัวกำหนดบุคลิกจักรยาน

เสือภูเขาเกือบทุกคันมีมุมท่อคอที่เอียงมากกว่ากราเวลไบค์ ฐานล้อที่ยาวกว่า และใช้แฮนด์ตรงขนาดกว้าง เพื่อเพิ่มการควบคุมบนเส้นทางที่คาดเดาไม่ได้ เช่น single track ชายป่า ทางหิน หรือทางชันที่ต้องอาศัยความแม่นยำ

กราเวลไบค์ให้ความพลิ้วและคล่องบนถนนเรียบ ตั้งแต่ถนนลาดยางจนถึงทางดินอัด ด้วยแฮนด์ดรอป เฟรมแอโร ยางหน้าแคบที่มีแรงต้านการหมุนที่ต่ำกว่า

อย่างไรก็ตาม บนเส้นทางเสือภูเขาจริง ๆ เช่น single track, ดินโคลน, รากไม้ เสือภูเขายังเหนือกว่าอย่างชัดเจน ส่วนข้อได้เปรียบของกราเวลไบค์อีกอย่างก็คือ น้ำหนักที่เบากว่า ทำให้ปั่นระยะทางไกลๆ เหนื่อยน้อยกว่า

แล้วแบบไหนเหมาะที่สุด?

คำตอบขึ้นรูปแบบการปั่นและท่าทางที่คุณสบายที่สุด

หากคุณคุ้นเคยกับถนนเป็นหลัก แฮนด์ดรอปของกราเวลไบค์จะให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากกว่า

แต่ถ้าใจคุณมุ่งไปทางสายลุย ชอบใช้ทักษะขั้นสูงในป่า ชอบเข้าป่าหาเห็ด เสือภูเขายังคงเป็นตัวเลือกที่ไว้วางใจได้มากกว่า

ทุกเส้นทาง Off-Rad เราก็จะได้เห็นทั้งกราเวลไบค์และเสือภูเขาร่วมทริปเดียวกันอยู่เสมอ เพราะแต่ละแบบมีเสน่ห์และจุดเด่นที่ต่างกัน

จุดเด่นของกราเวลไบค์

• ลื่นและเร็วกว่า บนถนนลาดยางและทางดินอัดแข็ง

• ใช้งานครอบคลุม ปั่นเมือง–ดิน–ถนน คันเดียวจบ

• เหมาะกับการปั่นทางไกล แฮนด์จับได้หลากหลาย ลดความเมื่อยล้า

• มีจุดยึดกระเป๋าเยอะ เหมาะกับการเดินทางไกล สไตลฺ Bikepacking

จุดเด่นของเสือภูเขา

• ควบคุมง่ายบนทางโหด แฮนด์กว้าง มีระบบกันสะเทือน และยางดอกใหญ่

• สบายกว่าเมื่อเจอทางขรุขระ ช่วยซับแรงกระแทกได้ดี

• การยึดเกาะยอดเยี่ยมบนดินร่วน โคลน หรือทางชัน

• แข็งแรงทนทาน รองรับแรงกระแทกหนัก ๆ ได้ดี

สรุปแบบเข้าใจง่าย

• ถนนเรียบ + ลูกรัง/ดินอัดแน่น → Gravel Bike

• ลุยป่า ลุยเขา ทางหิน ทางชัน → Mountain Bike

• ทริปไกล + โหลดสัมภาระ → Gravel Bike 

การเลือกคันที่ใช่ว่าคันไหน แบบสั้นๆ คือ ให้ดูว่าเส้นทางที่คุณจะใช้ 70% เป็นเส้นทางแบบไหน แล้วเลือกจักรยานที่ตอบโจทย์เส้นทางนั้นที่สุด เท่านี้ก็พอให้ที่จะเติมเต็มความสนุกและความมั่นใจให้กับคุณไปตลอดเส้นทาง