สองนักปั่นไทย "ธุรกิจ-ณัฐกฤต" คว้ารางวัลยอดเยี่ยมจากศูนย์ฝึกจักรยานโลกเกาหลีใต้

พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า สมาคมฯ ได้รับเชิญจากสหพันธ์จักรยานประเทศเกาหลีใต้ ให้ส่งบุคลากรเข้าร่วมอบรมในโครงการ "2025 Track & Para Camp of WORLD CYCLING CENTER-KOREA" ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-22 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์ฝึกจักรยานโลก ประเทศเกาหลีใต้ (WCC-KOREA)

ในการนี้ สมาคมฯ ได้ส่ง ร.ต.อ.ธุรกิจ บุญรัตนธนากร และ นายณัฐกฤต แก้วน้อย นักปั่นทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 33 เข้าร่วมอบรม โดย ร.ต.อ.ธุรกิจ เข้ารับการอบรมในหลักสูตรผู้ฝึกสอน ส่วน ณัฐกฤต เข้ารับการอบรมในหลักสูตรนักกีฬา

ล่าสุด ทางศูนย์ฝึกจักรยานโลก WCC-KOREA ได้มอบ เกียรติบัตรผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม ให้แก่ ร.ต.อ.ธุรกิจ และ เกียรติบัตรนักกีฬายอดเยี่ยม ให้แก่นายณัฐกฤต จากผู้เข้าร่วมอบรมทั้งหมด 16 คน ซึ่งประกอบด้วยผู้ฝึกสอน 7 คน และนักกีฬา 9 คน จาก 6 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, เติร์กเมนิสถาน, อินเดีย และไทย

พลเอกเดชา กล่าวถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของบุคลากรจักรยานไทย ซึ่งสมาคมฯ มุ่งมั่นพัฒนาอย่างรอบด้าน ทั้งในด้านนักกีฬา ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน และเจ้าหน้าที่เทคนิคต่าง ๆ โดยเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของสมาคมฯ และสอดคล้องกับแนวทางของการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)

สำหรับ ร.ต.อ.ธุรกิจ นอกจากได้รับการยกย่องจาก มร.เอ็ดเวิดร์ด ซุง วู ปาร์ค ผู้อำนวยการศูนย์ WCC-KOREA ซึ่งยังเป็นผู้ตัดสินจักรยานนานาชาติอีกด้วย ยังสอบผ่านหลักสูตรผู้ฝึกสอนระดับ 2 ของสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (UCI Coaching Level 2) เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งหากในอนาคตเขาตัดสินใจยุติอาชีพนักกีฬา สมาคมฯ มีแผนจะสนับสนุนให้เข้าสู่เส้นทางผู้ฝึกสอนเต็มตัว และผลักดันเข้าสู่การอบรม หลักสูตรผู้ฝึกสอนระดับสูงสุด (UCI Level 3) ต่อไป

ในส่วนของ ณัฐกฤต แก้วน้อย นอกจากเข้ารับการอบรมแล้ว ยังได้ลงแข่งขันรายการ Yangyang Track Cup ซึ่งขึ้นทะเบียนในระดับ UCI C2 โดยได้รับคำชื่นชมว่าเป็นนักกีฬาที่มีความตั้งใจดีเยี่ยม มีทัศนคติและวินัยที่เป็นแบบอย่าง

แม้ทั้งสองคนยังมีอุปสรรคด้านภาษาอังกฤษบ้าง แต่ก็มีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างน่าประทับใจ จนได้รับการยกย่องจากเจ้าหน้าที่ผู้จัดและผู้เข้าร่วมอบรมร่วมกันว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของบุคลากรจากชาติอื่น ๆ

พลเอกเดชา กล่าวสรุปว่า "การพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ คือหนึ่งในภารกิจสำคัญของสมาคมฯ เพื่อยกระดับมาตรฐานกีฬาจักรยานไทยให้ก้าวสู่เวทีโลกอย่างยั่งยืน"