Giro d’Italia เรื่องราวและน้ำตาแห่งชัยชนะและเสียงหัวเราะของทีมที่ร่วมฝัน ทุกโค้ง ทุกเนิน ทุกสเตจ คือนิยายบทใหม่ที่เขียนด้วยหัวใจนักสู้ นักแข่งหลายคนแม้จะไม่ได้ชนะ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ได้จารึกชื่อไว้บนเส้นทางการแข่งขัน Giro d’Italia
การแข่งขัน Giro d’Italia (จิโร ดิ อิตาเลีย) ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1909 โดยหนังสือพิมพ์กีฬา La Gazzetta dello Sport ซึ่งพิมพ์ด้วยกระดาษสีชมพู ที่ต่อมาเป็นแรงบันดาลใจของเสื้อผู้นำเวลารวม “Maglia Rosa” หรือ “เสื้อชมพู” อันเป็นสัญลักษณ์สูงสุดของการแข่งขัน
แนวคิดของ Giro มาจากความต้องการสร้างการแข่งขันระดับชาติของอิตาลีให้ทัดเทียมกับ Tour de France ที่เริ่มไปก่อนในปี ค.ศ. 1903
รูปแบบ/รายละเอียดการแข่งขัน
• การแข่งขันเป็นแบบ Stage Race คือแบ่งออกเป็นหลายช่วง (stage) ตลอดระยะเวลา 3 สัปดาห์
• ระยะทางรวมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 3,000 – 3,500 กิโลเมตร ปี คศ 2025 มีระยะทาง 3,443.3 กิโลเมตร
• เส้นทาง: ในประเทศอิตาลี ตั้งแต่เหนือจรดใต้ ในบางปี (หลายๆ ปี) จะเริ่มจากประเทศใกล้เคียง เช่น อัลแบเนีย อิสราเอล, ไอร์แลนด์, ฮังการี เป็นต้น
• จุดเด่น: ภูเขาสูงชัน, เส้นทางคดเคี้ยว, เส้นชัยสวยงามตามเมืองประวัติศาสตร์ และสภาพอากาศที่แตกต่างกันไป
• ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน: ปี 2025 นี้ มีทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 23 ทีม
สีเสื้อผู้นำทั้ง 4 ประเภท ใน Giro d’Italia
ในการแข่งขัน Giro d’Italia เราจะเห็นนักแข่งใส่เสื้อสีที่แตกต่างออกไปจากเดิม ซึ่งนั่นคือสัญญลักษณ์ของชัยชนะ โดยแต่ละสีมีความหมายที่ต่างกันไป
Maglia Rosa (เสื้อชมพู – ผู้นำในการจัดอันดับเวลารวม : General Classification)
เป็นรางวัลอันทรงเกียรติและสัญลักษณ์หลักของการแข่งขัน Giro d’Italia สำหรับนักปั่นที่ทำเวลาโดยรวมได้ดีที่สุดจากการลงแข่งทุกสเตจ ซึ่งหมายถึงผู้นำในการจัดอันดับเวลารวม (General classification) นั่นเอง นักปั่นผู้ได้สวมใส่เสื้อชมพูจนจบการแข่งขันนี้ มักจะเป็นผู้ที่จะได้รับเกียรติยศชูถ้วย Trofeo Senza Fine ซึ่งเป็นถ้วยชนะเลิศของ Giro d’Italia
ความหมายคือ สัญลักษณ์ของการแข่งขันระดับโลก เสมือนผืนผ้าสีชมพูที่บันทึกประวัติศาสตร์การแข่งขันจักรยาน เป็นความฝันของเด็กทุกคน (ในประเทศอีตาลี) ที่เริ่มปั่นจักรยาน และเป็นความฝันของนักปั่นทุกคนที่เข้าร่วมการแข่งขัน Giro d’Italia
Maglia Ciclamino (เสื้อม่วง – ผู้นำคะแนนสะสม)
มอบให้กับนักปั่นที่สะสมคะแนนรวมสูงสุดจากการแข่งขัน Giro d’Italia ซึ่งโดยทั่วไปมักเป็นนักปั่นสปรินเตอร์ที่มีผลงานดีในสเตจทางเรียบ คะแนนสะสมจะได้มาจากการเข้าเส้นชัยของแต่ละสเตจ และจากการแข่งขันสปรินต์กลางทางในแต่ละวัน และตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา มีการปรับให้เน้นไปที่นักปั่นสปรินเตอร์เป็นพิเศษ จึงทำให้สเตจทางเรียบได้รับคะแนนมากกว่าสเตจที่มีการขึ้นเขา
ความหมายคือ ความมุ่งมั่นและความทรหดอดทนที่จำเป็นในการขึ้นนำอยู่เสมอ พลังและความเร็วในการสปรินท์ แต่ก็งดงามเป็นความหวัง เหมือนสีของดอกไม้ที่เบ่งบาน
Maglia Azzurra (เสื้อฟ้า – นักปั่นไต่เขายอดเยี่ยม)
เป็นรางวัลสำหรับนักปั่นที่สะสมคะแนนรวมได้สูงสุดในการปั่นไต่เขาต่างๆ ที่ถูกจัดอันดับไว้ตลอด 21 วันของแข่งขัน โดยแบ่งเป็นหลายระดับ และจุดไหนที่เป็นยอดเขาสูงสุดของการแข่งขันก็จะมีคะแนนมากเป็นพิเศษ
ความหมายคือ เมื่อรู้สึกว่าเรี่ยวแรงกำลังจะหมดลง ท้องฟ้าสีครามเบื้องบนจะกลายเป็นแสงนำทาง เป็นเป้าหมาย และเป็นสิ่งที่คอยผลักดันให้ก้าวต่อไป
Maglia Bianca (เสื้อขาว – นักปั่นดาวรุ่งยอดเยี่ยม)
มอบให้แก่นักปั่นดาวรุ่งยอดเยี่ยม (Best Young Rider) วิธีการให้คะแนนคือการนำผลคะแนนของทุกสีมารวมกัน แต่จำกัดสิทธิ์ให้เฉพาะนักปั่นที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี เท่านั้น
ความหมายคือ สีขาวเปรียบเสมือนการรวมกันของทุกสี สื่อถึงความหวังและความฝันทั้งหมดที่มี เป็นเหมือนหน้ากระดาษที่ว่างเปล่า รอคอยการจารึกบทใหม่ที่น่าตื่นเต้นต่อไป เป็นทั้งรางวัลและความปรารถนาในเวลาเดียวกัน
Giro d’Italia ไม่ใช่แค่การแข่งจักรยาน แต่คือ การเดินทางของนักกีฬาจักรยาน ที่ทั้งโหด ทั้งมันส์ และงดงามในเวลาเดียวกัน แบบที่หาไม่ได้จากที่ไหน ถ้าคุณยังไม่เคยดูสักสเตจ ปีนี้อาจเป็นเวลาที่ดีในการเปิดใจ… แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมโลกถึงหลงรักการแข่งจักรยานจากอิตาลี รายการนี้แบบถอนตัวไม่ขึ้น!