จากเหรียญประวัติศาสตร์โอลิมปิก สู่การก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของโลก — เส้นทางที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นของ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ จุดกระแสความภาคภูมิใจของแฟนแบดมินตันไทยอีกครั้ง
เดินหน้าสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการแบดมินตันไทยอย่างต่อเนื่อง สำหรับ “วิว” กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักตบลูกขนไก่วัย 24 ปี ที่เพิ่งจารึกชื่อเป็นคนไทยคนแรกที่คว้าเหรียญรางวัลจากกีฬาแบดมินตันในโอลิมปิกเกมส์กลางปีที่แล้ว จุดกระแสแบดมินตันในไทยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
และล่าสุด “วิว” ได้สร้างบันทึกหน้าสำคัญอีกครั้งให้วงการกีฬาไทย เมื่อเจ้าตัว ก้าวขึ้นครองมือ 1 ของโลก ในประเภทชายเดี่ยวอย่างสมศักดิ์ศรี จากผลงานอันร้อนแรงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
ผลงานในรายการล่าสุด คือจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อกุลวุฒิคว้าแชมป์ สิงคโปร์ โอเพ่น ได้แบบไม่เสียแม้แต่เกมเดียว ตั้งแต่รอบแรกถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยในรายการนี้ยังมีข่าวดีซ้อนอีกชั้นสำหรับแฟนกีฬาไทย เมื่อ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ “เฟม” ศุภิสรา เพียวสามพราน ผงาดคว้าแชมป์ที่ 5 ร่วมกันอีกด้วย
ในรอบชิงชนะเลิศประเภทชายเดี่ยว “วิว” แสดงให้เห็นถึงฟอร์มอันดุดัน พัฒนารูปแบบการเล่นจากเดิมที่เน้นรับเหนียวแน่น มาเป็นเกมรุกที่เฉียบคมมากขึ้น พร้อมด้วยลูกเล่นและเทคนิคที่แพรวพราว ส่งผลให้ผลงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลัง
นับตั้งแต่ต้นปี 2025 “วิว” คว้าแชมป์ไปแล้ว 4 รายการ ได้แก่
อินโดนีเซีย มาสเตอร์ส 2025 (ปลาย ม.ค.)
ชิงแชมป์เอเชีย 2025 ที่จีน (เม.ย.)
ไทยแลนด์ โอเพ่น 2025
สิงคโปร์ โอเพ่น 2025
แม้จะมีช่วงหลุดฟอร์มบ้าง เช่น การตกรอบ 16 คนสุดท้ายใน ออล อิงแลนด์ 2025 และรอบ 8 คนใน สวิส โอเพ่น แต่หลังจากกลับมาแข่งในเอเชีย กุลวุฒิก็คืนฟอร์มทันที คว้าแชมป์ชิงแชมป์เอเชียได้สำเร็จ พร้อมสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแบดมินตันชายไทยคนแรกที่ได้แชมป์รายการนี้
จากนั้นเจ้าตัวเดินหน้ากวาดแชมป์อีก 2 รายการใหญ่ที่ไทยแลนด์ โอเพ่น และสิงคโปร์ โอเพ่น โดยในรอบชิงฯ ที่สิงคโปร์ยังสามารถ ย้ำแค้น ลู่ กวางซู มือ 15 ของโลกจากจีน ซึ่งเคยแพ้ให้วิวในรอบชิงฯ ชิงแชมป์เอเชียมาแล้ว
เท่ากับว่า 3 รายการล่าสุดที่กุลวุฒิลงแข่ง เจ้าตัว ชนะรวด 15 นัด คว้าแชมป์ทั้ง 3 รายการติด และในรอบตัดเชือกของสิงคโปร์ โอเพ่น ยังเอาชนะ หลิน ชุนยี่ มือ 19 โลกจากไต้หวัน 2-0 เกม ซึ่งชัยชนะดังกล่าวช่วยการันตีคะแนนสะสมให้ “วิว” แซง ฉี ยู่ฉี มือ 1 โลกชาวจีน ซึ่งตกรอบ 16 คนสุดท้ายในรายการนี้
“วิว” ซึ่งก่อนแข่งตามหลังอยู่กว่า 7,000 คะแนน พอคว้าแชมป์ก็รับแต้มเพิ่มถึง 11,000 ขณะที่หนุ่มจีนไม่สามารถป้องกันแชมป์เก่าได้ คะแนนจึงถูกหักออกตามระบบ ส่งผลให้กุลวุฒิขึ้นเป็นมือ 1 ของโลกอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 3 มิถุนายน 2568
และนี่คือการ เดินตามรอย “เมย์” รัชนก อินทนนท์ ที่เคยขึ้นเป็นมือ 1 โลกฝ่ายหญิงเดี่ยวเมื่อ 21 เม.ย. 2016 จากผลงานคว้าแชมป์ระดับซูเปอร์ซีรีส์ 3 รายการติดกัน ได้แก่ อินเดีย, มาเลเซีย และสิงคโปร์ โอเพ่น ในช่วงเวลาเพียง 3 สัปดาห์ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแบดหญิงไทยคนแรกที่ขึ้นมือ 1 โลก
ขณะเดียวกัน “วิว” ยังกลายเป็นนักแบดมินตันไทยคนที่ 6 ที่เคยขึ้นมือ 1 โลกต่อจาก
สุดเขต ประภากมล กับ สราลีย์ ทุ่งทองคำ (คู่ผสม)
รัชนก อินทนนท์ (หญิงเดี่ยว)
เดชาพล พัววรานุเคราะห์ กับ ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย (คู่ผสม)
ต่อมาในการแข่งขัน อินโดนีเซีย โอเพ่น เวิลด์ทัวร์ ซูเปอร์ 1000 วิวมีภารกิจสำคัญคือการรักษาฟอร์มและตำแหน่งมือ 1 โลกให้ได้อย่างน้อย 1 เดือน ซึ่งเจ้าตัวทำได้สำเร็จด้วยการทะลุถึงรอบรองฯ แม้จะแพ้ โจว เทียนเฉิน จากไต้หวัน แต่ผลงานเท่ากับปีที่แล้ว จึงยังรักษาคะแนนไว้ได้ครบ
ทั้งหมดนี้คือบทพิสูจน์ว่า การขึ้นเป็นมือ 1 โลกของ “วิว” ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลของความทุ่มเทและพัฒนาตนเองตลอดเส้นทางอาชีพ — และด้วยวัยเพียง 24 ปี เจ้าตัวยังมีเวลาอีกมากในการเดินหน้าสร้างความสุขให้แฟนกีฬาไทย และเขียนหน้าประวัติศาสตร์ให้วงการแบดมินตันไทยอีกต่อไป