เจอด่านตรวจ เป่าแอลกอฮอล์ ทำไงดี ?

เจอด่านตรวจ เป่าแอลกอฮอล์ ทำไงดี ?
เจอด่านตรวจ ให้ เป่าแอลกอฮอล์ คือสิ่งทำให้คนขับรถหลายคนใจเต้นรัว โดยเฉพาะคนที่เพิ่งดื่มมา คงจำเคส สาวคนดัง ที่ปฏิเสธการเป่า แล้วนั่งในรถนานกว่า 1 ชั่วโมงกันได้ เพราะเคสนั้นกลายเป็นบทเรียนสำคัญ ซึ่งท้ายที่สุดก็ถูกแจ้งข้อหา "เมาแล้วขับ" อยู่ดี แถมเพื่อนชายที่อ้างรู้จักนายตำรวจใหญ่ยังโดนข้อหาต่อสู้ขัดขวาง เจ้าพนักงานอีกต่างหาก

วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจ และแก้ความเข้าใจผิดที่หลายคนยังเชื่อว่าจะช่วยให้ รอดด่าน เมาแล้วขับได้
เจอด่านเมาแล้วขับ ต้องทำอย่างไร
เมื่อเจอด่านตรวจ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ “ใจเย็นและให้ความร่วมมือ” ด่านที่ถูกต้องตามกฎหมายจะมี ลักษณะ ดังนี้
          • มีป้ายแสดงชัดเจนล่วงหน้าว่าเป็นจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์พร้อมป้ายแสดงหัวหน้าชุดตรวจ 
          • มีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบปฏิบัติหน้าที่ พร้อมกล้องบันทึกการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทุกขั้นตอน
          • มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่ใช่ "ด่านลอย" ที่ผิดกฎหมาย
          • มักตั้งในพื้นที่ที่มีสถิติเกิดอุบัติเหตุจากดื่มแล้วขับ หรือ จุดที่เป็นแหล่งผลิตนักดื่ม เช่น ใกล้สถานบันเทิง หรือ หลังเทศกาล
สิ่งที่ควรทำ คือ
          ✓ ลดความเร็ว เข้าด่านอย่างสุภาพ และเตรียมใบขับขี่ กรณีที่ถูกเรียกตรวจ
          ✓ หากเจ้าหน้าที่เรียกตรวจให้เปิดกระจกลง และปฏิบัติตามคำแนะนำ 
          ✓ ให้ความร่วมมือในการตรวจวัดแอลกอฮอล์แบบคัดกรอง หากตรวจพบแอลกอฮอล์ เจ้าหน้าที่จะเชิญให้จอดข้างทาง เพื่อ ทำการตรวจวัดแบบยืนยันผลในลำดับต่อไป
          ✓ หากมีข้อสงสัย สามารถบันทึกวิดีโอได้ แต่ต้องไม่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่
ปฏิเสธเป่าได้ไหม คำตอบที่หลายคนเข้าใจผิด
"ปฏิเสธเป่าได้ แต่โดนข้อหาเมาแล้วขับทันที"
ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 142 ระบุชัดเจนว่า
          • การปฏิเสธตรวจวัดแอลกอฮอล์ เท่ากับ สันนิษฐานว่า "เมาแล้วขับ" ทันที
          • โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000 - 20,000 บาท
          • ระงับใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน
          • ศาลอาจสั่งเพิกถอนใบขับขี่ได้ 
กรณี สาวคนดัง แม้จะนั่งในรถนานกว่า 1 ชั่วโมง (ซึ่งเป็นสิทธิ์) แต่สุดท้ายก็ถูกแจ้งข้อหา "เมาแล้วขับ" และต้องวางประกันเงินสด 20,000 บาท การปฏิเสธเป่าจึงไม่ช่วยอะไร กลับทำให้ดูมีพิรุธเสียอีก

5 ความเชื่อผิด ๆ ที่ทำให้คนไทยติดคุกจากด่านเมาแล้วขับ
1. "อ้างรู้จักนายตำรวจใหญ่ช่วยได้"
          ❌ ผิด! เพื่อนชายของสาวคนดัง ที่อ้างรู้จักนายตำรวจใหญ่ ไม่เพียงไม่ช่วย ยังโดนข้อหา "ต่อสู้ ขัดขวางเจ้าพนักงาน" และ "ดูหมิ่น" เพิ่ม ศาลตัดสินจำคุก 1 เดือน ปรับ 10,000 บาท
2. "ฉี่บ่อยๆ ช่วยลดแอลกอฮอล์"
          ❌ ผิด! แอลกอฮอล์ถูกขับออกทางปัสสาวะแค่ 2-5% เท่านั้น ส่วนใหญ่ตับเป็นตัวย่อยสลาย การฉี่บ่อยแค่ขับน้ำออก แอลกอฮอล์ยังอยู่ในร่างกายไม่ต่างจากเดิม ต่อให้ประวิงเวลาไปฉี่ ก็ยังมีโอกาสที่จะตรวจพบแอลกอฮอล์ในร่างกายและต้องรับโทษอยู่ดี ที่สำคัญแอลกอฮอล์ยังสามารถถูกตรวจพบในปัสสาวะหลังดื่มได้นาน 12-48 ชม. และวิธีเป่าลมหายใจ สามารถตรวจพบแอลกอฮอล์ในเลือดหลังดื่มได้นานถึง 24 ชม. (ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล) 
3. "กินนมเปรี้ยวก่อนเข้าด่านช่วยได้"
          ❌ ผิด! นมเปรี้ยวลดกลิ่นแอลกอฮอล์ในช่องปากได้แค่ 10 นาที แต่แอลกอฮอล์ในเลือดไม่ลดลงเลย เครื่องตรวจวัดจากลมหายใจลึก ๆ ไม่ใช่จากช่องปาก 
4. "ขับช้า ๆ ตำรวจจะไม่สงสัย"
          ❌ ผิด! การขับช้าผิดปกติ หรือส่ายไปมา กลับเป็นสัญญาณให้ตำรวจสงสัยมากขึ้น ด่านตรวจ จะสุ่มทุกคันอยู่แล้ว ไม่ได้ดูจากความเร็ว
5. "ประกันจะคุ้มครองให้เอง"
          ❌ ผิด! ประกันส่วนใหญ่ไม่คุ้มครองกรณีเมาแล้วขับ หากชนคนเสียชีวิต อาจต้องจ่ายค่าเสียหาย หลักล้าน ด้วยเงินส่วนตัว

เมาแล้วขับ ต้องขึ้นศาลไหม โทษหนักแค่ไหน
ใช่ครับ! ต้องขึ้นศาลทุกคน และในปี 2568 มีการเพิ่มโทษ "ยึดรถ" ด้วย
📌 เมาแล้วขับ (เกิน 50 มก.%)
          • จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000-20,000 บาท
          • พักใบขับขี่ 6 เดือน
📌 ปฏิเสธเป่า
          • จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000-20,000 บาท
          • ระงับใบขับขี่ 6 เดือน
          • ยึดรถได้ 7 วัน
📌 ทำคนบาดเจ็บ
          • จำคุก 1-5 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท
📌 ทำคนบาดเจ็บสาหัส
          • จำคุก 2-6 ปี ปรับ 40,000-120,000 บาท
📌 ทำคนเสียชีวิต
          • จำคุก 3-10 ปี ปรับ 60,000-200,000 บาท
          • เพิกถอนใบขับขี่ทันที
⚠️ อัปเดต 2568: เมาแล้วขับ "ยึดรถ" ได้แล้ว!
สำนักงานอัยการสูงสุดมีคำสั่งใหม่ หากพฤติกรรมเมาแล้วขับ "ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยผู้อื่น" ตาม ม.43(8):
          • อัยการจะขอให้ศาล "ริบรถ" ที่ใช้กระทำความผิด
          • ไม่ว่าจะเป็นรถตัวเองหรือรถคนอื่น
          • นอกจากโทษจำคุกและปรับแล้ว ยังอาจเสียรถไปอีกด้วย

ผลกระทบที่คุณอาจไม่เคยคิด
          ✗ ประวัติอาชญากรรม ติดประวัติตลอดชีวิต
          ✗ สมัครงานยาก บริษัทใหญ่ ๆ ตรวจประวัติ
          ✗ ขอวีซ่ายาก บางประเทศไม่รับคนมีประวัติ
          ✗ ประกันแพง เบี้ยประกันรถสูงขึ้น หรืออาจถูกปฏิเสธ
          ✗ ชื่อเสียงพังในโซเชียล เสริชเมื่อไหร่ก็เจอ 
ทางเลือกที่ฉลาดกว่าการเสี่ยง

ดื่มแค่เบียร์ 1-2 กระป๋อง ก็ทำให้สมองสั่งการช้าลง 1 วินาที ซึ่งเท่ากับรถไถล 22 เมตร ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. นี่คือระยะที่ตัดสินระหว่างชีวิตกับความตาย
ทางเลือกปลอดภัย:
          ✓ เรียกใช้บริการรถสาธารณะ คุณจะเลือกอะไร ระหว่าง ค่ารถหลักร้อย กับ ค่าปรับหลักหมื่น
          ✓ ให้คนไม่ดื่มขับ โดยวางแผนล่วงหน้า ก่อนออกไปเฉลิมฉลอง
          ✓ นอนค้าง จะเป็นบ้านเพื่อน หรือเปิดห้องรายวัน ปลอดภัยกว่าเสี่ยงติดคุก
          ✓ โทรให้ครอบครัวมารับ ดีกว่าให้มารับศพ

และความจริงก็คือ ไม่มีวิธีไหนช่วยให้รอดด่านเมาแล้วขับได้ สิ่งที่ดีที่สุด คือ “ดื่มไม่ขับ”
การปฎิเสธเป่า ฉี่บ่อย ๆ กินนมเปรี้ยว หรืออ้างรู้จักใครก็ตาม ล้วนไม่ช่วยอะไร กลับอาจเพิ่มข้อหา ในปี 2568 กฎหมายเข้มงวดขึ้น มีโทษยึดรถด้วย เลือกเสี่ยงติดคุก เสียรถ เสียชื่อเสียง หรือเลือกจ่ายค่ารถสาธารณะไม่กี่ร้อย คำตอบอยู่ที่คุณ

#เมาแล้วขับ #เจอด่านตรวจ #เป่าแอลกอฮอล์ #ด่าน68 #เมาแล้วขับ2568 #ปฏิเสธเป่า #เจอด่านทำไงดี #เมาแล้วขับขึ้นศาล #โทษเมาแล้วขับ #ยึดรถ #ดื่มไม่ขับ #ดื่มไม่ขับกลับบ้านปลอดภัย #ดื่มแล้วขับไม่ได้ดับแค่คุณคนเดียว #ผลกระทบที่ไม่สิ้นสุด
กดติดตามข้อมูลข่าวสาร แคมเปญที่น่าสนใจ และกิจกรรมดีๆ จาก สสส เพิ่มเติมได้ที่ :
Facebook : Social Marketing Thaihealth by สสส.
Line : @thaihealththailand
Tiktok : @thaihealth
Youtube : SocialMarketingTH
Website : Social Marketing การตลาดเพื่อสังคม



ที่มาของภาพ : สสส
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport