สำนักงานประกันสังคม (สปส.) โดย นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการฯ เตือนสถานประกอบการแจ้งการประสบอันตรายของลูกจ้างตามแบบ กท.16 ให้ทันภายใน 15 วัน เพื่อให้แรงงานได้รับความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ครบถ้วน ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าทดแทนการขาดรายได้ จาก “กองทุนเงินทดแทน”
นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยถึงความสำคัญของการดูแลลูกจ้างที่ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของ กองทุนเงินทดแทน ภายใต้การกำกับดูแลของ สำนักงานประกันสังคม ว่า กองทุนฯ ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อมอบสิทธิประโยชน์ที่จำเป็นแก่ลูกจ้างทันทีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ระบุว่า ในทุก สถานประกอบการ ย่อมมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการช่วยเหลือชีวิตและการใช้สิทธิประโยชน์ตามกฎหมายให้ถูกต้องและทันเวลา
กองทุนเงินทดแทน จะให้ความคุ้มครองแก่ลูกจ้างครอบคลุมทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าทดแทนการขาดรายได้ และสวัสดิการอื่น ๆ ที่กฎหมายกำหนดไว้
ขั้นตอนการแจ้งเหตุและการใช้สิทธิรักษาพยาบาล
นางสาวกาญจนา แจ้งว่า เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายจากการทำงาน นายจ้าง มีหน้าที่ต้องแจ้งเรื่องการประสบอันตรายของลูกจ้างตามแบบ กท.16 ภายในระยะเวลา 15 วัน นับจากวันที่ นายจ้าง ทราบเหตุการณ์ โดยสามารถดำเนินการได้ 2 ช่องทาง ดังนี้:
แจ้งด้วยตนเอง ณ สำนักงานประกันสังคม ในพื้นที่ที่ สถานประกอบการ ตั้งอยู่
ส่งเอกสารทางไปรษณีย์
เพื่อให้ลูกจ้างได้รับสิทธิการรักษาในสถานพยาบาล กองทุนเงินทดแทน ได้กำหนดแนวทางการรักษาพยาบาลไว้ 2 กรณี ดังนี้:
กรณีที่ 1: สถานพยาบาลในความตกลงของกองทุนเงินทดแทน
นายจ้าง สามารถส่งตัวลูกจ้างเข้ารับการรักษาโดยใช้แบบ กท.44
นายจ้าง และลูกจ้าง ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล เนื่องจากสถานพยาบาลดังกล่าวจะเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจาก กองทุนเงินทดแทน โดยตรง
กรณีที่ 2: สถานพยาบาลที่ไม่ได้อยู่ในความตกลงของกองทุนเงินทดแทน
นายจ้าง หรือลูกจ้างจะต้อง สำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล ไปก่อน
หลังจากนั้นให้นำใบเสร็จรับเงินมาเป็นหลักฐานเพื่อขอเบิกเงินจาก กองทุนเงินทดแทน ในภายหลัง
หลักฐานสำคัญสำหรับการประสบอันตราย
การเบิกสิทธิประโยชน์จำเป็นต้องใช้เอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึง:
ใบรับรองแพทย์ (แบบ กท.16/1) หรือใบรับรองแพทย์ของสถานพยาบาล
ใบเสร็จรับเงินค่ารักษาพยาบาล (ในกรณีที่มีการสำรองจ่าย)
หลักฐานอื่นที่จำเป็น เช่น ใบลงเวลาทำงาน แผนที่ที่เกิดเหตุ หรือภาพถ่ายหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องกับการประสบอันตราย
กรณีลูกจ้างเสียชีวิตหรือสูญหาย
สำหรับกรณีที่ลูกจ้างเสียชีวิตหรือสูญหาย นายจ้าง หรือทายาทต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้:
สำเนาบันทึกประจำวันของตำรวจ
ใบมรณบัตรพร้อมสำเนา
ใบชันสูตรศพหรือใบรับรองแพทย์
สำเนาทะเบียนบ้านของบิดา มารดา คู่สมรส และบุตร
สูติบัตรของบุตรของลูกจ้างผู้ตาย
สำเนาทะเบียนสมรสของบิดา มารดา และลูกจ้าง
นางสาวกาญจนา เน้นย้ำในตอนท้ายว่า การขึ้นทะเบียนลูกจ้างและชำระเงินสมทบตามกำหนดมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของแรงงานไทย เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกจ้างได้รับการคุ้มครองและสิทธิประโยชน์จาก กองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคม อย่างถูกต้องและครบถ้วน เป็นหลักประกันที่คุ้มครองและมอบประโยชน์อย่างแท้จริงเมื่อเกิดภัยจากการทำงาน
