จากสโมสรฟุตบอลที่เริ่มต้นด้วยความฝันเล็กๆ การใช้ผู้เล่นท้องถิ่นเป็นแกนหลัก สู่การเป็นแชมป์ ไทยลีก 3 ฤดูกาล 2024-25 และคว้าตั๋วเลื่อนชั้นสู่ลีกรองของสยามประเทศอย่างเต็มภาคภูมิ
ราษีไศล ยูไนเต็ด ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพลังแห่งความมุ่งมั่น, การวางแผนที่เป็นระบบและทำงานหนักเป็นทีมสามารถนำมาซึ่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้ ภายใต้การนำของ 'ครูคลิ้น' ภาณุพงศ์ จารุวงษ์เสถียร ประธานสโมสรผู้เปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์
'SIAMSPORT' ขอพาทุกท่านไปเจาะลึกเบื้องหลังความสำเร็จอันน่าทึ่งของราชาวานรผู้แข็งแกร่งจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ!!
[ 1 ] จากการสร้างรากฐานอันมั่นคง สู่การยกระดับอย่างมืออาชีพเต็มตัว
การที่ ราษีไศล สามารถผงาดคว้าแชมป์ ไทยลีก 3 และเลื่อนชั้นสู่ ไทยลีก 2 ได้นั้น คุณภาณุพงศ์ จารุวงษ์เสถียร ประธานสโมสร ยืนยันว่านี่ไม่ใช่แค่การได้มาซึ่งชื่อเสียง หรือถ้วยรางวัลเพียงอย่างเดียว แต่คือการยกระดับคุณภาพของทีมและเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง
ครูคลิ้นกล่าวว่า "แน่นอนการเลื่อนชั้นและเป็นแชมป์ ไทยลีก 3 ส่งผลในด้านคุณภาพของทีมอย่างเห็นได้ชัดเจน เราได้เห็นว่าการทำงานหนักอย่างไม่ย่อท้อและการมีเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้เราประสบความสำเร็จในครั้งนี้ในที่สุด"
อีกหนึ่งแง่ดีที่ตามมาคือการที่สโมสรได้รับกระแสตอบรับและเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงกว้าง ไม่ใช่แค่ในจังหวัดศรีสะเกษหรือภาคอีสานเท่านั้น
"การทำโซเชียลมีเดียของเราได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากแฟนฟุตบอลอย่างล้นหลาม ตรงนี้ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนและติดตามทีมมาโดยตลอด" ประธานสโมสร ราษีไศล เพิ่มเติม
แรงบันดาลใจสำคัญและจุดเริ่มต้นอันบริสุทธิ์ของทีมคือการสร้างทีมฟุตบอลโดยใช้ผู้เล่นจาก วิทยาลัยพณิชยการราษีไศล ซึ่งเป็นแหล่งบ่มเพาะนักกีฬาในท้องถิ่นและนักเตะฝีเท้าดีในพื้นที่เป็นแกนหลักสำคัญมาโดยตลอด
พวกเขาค่อยๆ พัฒนาทีมจากจุดเล็กๆ จนกระทั่งมีองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบขึ้นในทุกๆ ด้าน เพื่อยกระดับทีมให้ก้าวไปสู่จุดที่สูงขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการได้พูดคุยแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์กับ 'โค้ชหนุ่ม' อานนท์ บรรดาศักดิ์ กุนซือผู้มากประสบการณ์ ซึ่งเคยผ่านการทำทีมมาทุกระดับชั้นของฟุตบอลไทย ร่วมกับทีมบริหารที่ทำงานอย่างแข็งขัน
นอกจากนี้คนสำคัญอย่างยิ่งยวดอีกท่านหนึ่งคือ 'ครูนุช' นุชนาถ จารุวงษ์เสถียร ประธานที่ปรึกษาของสโมสรที่คอยให้การสนับสนุนและผลักดันอย่างเต็มที่มาโดยตลอด
การมีเป้าหมายร่วมกันและความเชื่อมั่นในศักยภาพของคนในท้องถิ่น คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ความฝันในการเลื่อนชั้นกลายเป็นจริงในที่สุด
[ 2 ] วางแผนเป็นขั้นเป็นตอน แล้วเดินหน้าพุ่งชนความสำเร็จอย่างเป็นระบบ
ก่อนจะมาถึงจุดที่สามารถคว้าแชมป์และเลื่อนชั้นได้สำเร็จ ภาณุพงศ์ ยอมรับว่าทีมบริหารได้ทำงานอย่างใกล้ชิดและมีการพูดคุยปรึกษาหารือกับโค้ชหนุ่มมาโดยตลอด ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเน้นย้ำคือการมีเป้าหมายที่ชัดเจนและก้าวไปทีละขั้นอย่างเป็นระบบ
บอสใหญ่แห่งทัพราชาวานรกล่าวว่า "เรามองกันแบบช็อตต่อช็อต สัปดาห์ต่อสัปดาห์ ไม่ได้มองข้ามช็อตไปไกลนัก เรามีเป้าหมายใหญ่ แต่เป้าหมายย่อยเป็นสเต็ปที่เราต้องทำให้สำเร็จ นั่นคือการตั้งเป้าที่จะจบเลกแรกของโซนอีสานด้วยการเป็นจ่าฝูงให้ได้ ซึ่งพวกเขาก็ทำได้ตามเป้าหมาย จากนั้นคือการคว้าแชมป์โซนในท้ายที่สุด ซึ่งก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ทุกประการ"
พอถึงรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นรอบตัดสินชี้ชะตา ประธานสโมสร ราษีไศล เผยว่า "ในตอนแรกเราตั้งเป้าหมายไว้อย่างเจียมตัว ขอเพียงแค่ติด 1 ใน 2 ทีมแรกของกลุ่ม เพื่อคว้าตั๋วเลื่อนชั้นเท่านั้น เนื่องจากทราบดีว่าคู่แข่งทุกทีมล้วนแข็งแกร่งและมีคุณภาพคับแก้ว"
"ยอมรับว่าในรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก เราคิดว่าหากจบด้วยอันดับ 2 ในตารางคะแนนก็ถือว่ารับได้แล้ว เพราะทุกทีมที่เราเจอในรอบนี้คือของจริงล้วนๆ"
แต่ท้ายที่สุด ราษีไศล ก็ทำได้เหนือความคาดหมายที่ตั้งเอาไว้ ด้วยการเข้ารอบในฐานะอันดับ 1 ของกลุ่มและจบลงด้วยการเป็นแชมป์ ไทยลีก 3 ได้อย่างยิ่งใหญ่
จุดเปลี่ยนสำคัญของสโมสรในฤดูกาลนี้จึงอยู่ตรงที่ การตั้งเป้าหมายทีละขั้น ก่อนจะสามารถทำได้สำเร็จในทุกเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น, วินัยและศักยภาพอันแท้จริงของทีมได้อย่างชัดเจน
[ 3 ] ปรี-ซีซันคุณภาพและความคงเส้นคงวาอันน่าทึ่ง
ตลอดฤดูกาลที่ยาวนานและเข้มข้นที่ผ่านมา ราษีไศล ต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นตัวหลักหรือในบางช่วงที่มีบางรายต้องติดภารกิจไปแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัย ซึ่งทำให้ขาดนักเตะไปในช่วงเวลาสำคัญ
นอกจากนี้ ในช่วงที่ทีมขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของโซนอีสานด้วยแต้มที่ค่อนข้างทิ้งห่างคู่แข่ง พวกเขาได้มีการทดลองปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นจากระบบ 4-3-3 มาเป็น 3-4-3 เพื่อมองภาพรวมและเตรียมพร้อมสำหรับรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งการปรับเปลี่ยนนี้ก็ทำให้ทีมมีฟอร์มสะดุดไปบ้างในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ทุกปัญหาและทุกความท้าทายที่เกิดขึ้น ก็ถูกแก้ไขและปรับปรุงร่วมกันอย่างต่อเนื่องระหว่างทีมบริหารและ 'โค้ชหนุ่ม' จนสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มาได้ในที่สุด
การแก้ไขปัญหาและรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น 'ครูคลิ้น' ชี้ว่ามาจากรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของทีม นั่นคือปรี-ซีซันที่ยอดเยี่ยมและมีคุณภาพสูง
บอสใหญ่ของ ราษีไศล กล่าวว่า "เนื่องจากทีมของเรามีปรี-ซีซั่นที่ยอดเยี่ยมมากๆ จากการคุยกับโค้ชหนุ่ม ซึ่งมีประสบการณ์ในการทำทีมฟุตบอลมาทุกระดับชั้น ทำให้ความฟิตของนักเตะอยู่ในระดับสูงมากตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล"
"เรามามองย้อนสถิติแล้ว พบว่าเราใช้ผู้เล่น 11 ผู้เล่นชุดเดิมทั้งฤดูกาลประมาณ 90% ของเกมทั้งหมด ซึ่งนั่นเป็นข้อพิสูจน์ถึงความฟิตและความแข็งแกร่งของนักเตะ แม้จะมีบางช่วงที่มีนักเตะบาดเจ็บบ้าง แต่ก็สามารถทดแทนกันได้ทันที นี่คือจุดแข็งที่สำคัญที่สุดของเรา เรามีความคงเส้นคงวาอย่างน่าทึ่งตลอดทั้งฤดูกาลนี้"
[ 4 ] บททดสอบสำคัญ ก่อนเลื่อนชั้นไป ไทยลีก 2
หากให้เลือกเกมที่รู้สึกว่ากดดันมากที่สุดในฤดูกาล 2024-25 'ครูคลิ้น' กล้าพูดได้เลยว่าคือรอบรองชนะเลิศนัดที่ 2 ที่ต้องออกไปเยือน ปัตตานี เอฟซี แม้ว่าในเกมแรกพวกเขาจะคว้าชัยชนะมาได้ด้วยสกอร์ท่วมท้น 5-3 แต่การบุกไปเยือน เรนโบว์ สเตเดี้ยม ที่เต็มไปด้วยแฟนฟุตบอลนับหมื่น มันเป็นบรรยากาศที่กดดันมหาศาล อีกทั้งกุนซือก็ยังโดนแบนในเกมนัดนั้นอีกด้วย ยิ่งทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นไปอีก
ทว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ทีมก็ยังได้รับคำปรึกษาและคำแนะนำดีๆ รวมถึงทัศนคติที่สร้างสรรค์จาก "โค้ชโต่ย" ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย อดีตเทรนเนอร์ทีมชาติชุดใหญ่ ที่ช่วยประคับประคองนักฟุตบอลและทีมงานจนสามารถฝ่าฟันความกดดัน คว้าตั๋วเลื่อนชั้นสู่ ไทยลีก 2 มาครองได้อย่างสง่างามในท้ายที่สุด
แม้จะประสบความสำเร็จอย่างสูงในฤดูกาล 2024-25 และต้องก้าวขึ้นไปเล่นในลีกที่สูงขึ้น แต่การขึ้นสู่ ไทยลีก 2 กลับไม่ใช่แรงกดดันสำหรับ ราษีไศล เลยแม้แต่น้อย พงศ์เผยเพิ่มเติมว่า "ตอนนี้เราได้คุยโครงสร้างของทีมสำหรับ ไทยลีก 2 ไว้แล้วกับโค้ชหนุ่ม เพราะเขาเคยมีประสบการณ์ในการทำทีมระดับ ไทยลีก 2 มาก่อนเป็นอย่างดี เราทราบดีถึงโปรแกรมการแข่งขันที่จะยกระดับขึ้น มีความเข้มข้นมากขึ้น รวมถึงการเดินทางที่จะมีเพิ่มมากขึ้นหลังจากนี้"
นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการเตรียมพร้อมและวิสัยทัศน์ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างชัดเจน แน่นอนว่าการเสริมทัพเพื่อความแข็งแกร่งในการสู้ศึก ไทยลีก 2 นั้นเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมทีม แต่สิ่งที่เป็นข่าวดีสำหรับแฟนฟุตบอลคือ นักเตะต่างชาติคนสำคัญของทีมจะยังคงอยู่กับทีมต่อไปอย่างแน่นอน ไล่ตั้งแต่ อัลแบร์โต้ กูเวอา, กิลแบร์โต้ มาเชน่า และ ราม่อน เมสกีตา ซึ่งจะเป็นแกนหลักสำคัญในการพยุงทีมและสร้างผลงานในลีกที่สูงขึ้นในอนาคต
[ 5 ] เสียงเชียร์ - พลังขับเคลื่อนของราชาวานร
ประธานสโมสร ราษีไศล ส่งสารถึงแฟนฟุตบอลของทีมทุกคนที่ให้การสนับสนุนมาโดยตลอดว่า "แฟนๆ เป็นสิ่งสำคัญมาตลอด ถ้าไม่มีแฟนๆ ก็ไม่มี ราษีไศล ยูไนเต็ด"
นี่คือคำกล่าวที่สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันและศรัทธาที่แฟนฟุตบอลมีต่อสโมสรอย่างลึกซึ้ง และมันเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดให้พญาวานรแห่งอีสานสามารถก้าวเดินต่อไปในเส้นทางอาชีพได้อย่างมั่นคงและสง่างาม
ในโลกฟุตบอลที่หมุนเวียนเปลี่ยนผันทุกๆ ฤดูกาล หากคุณเชื่อมั่นและจริงจังกับกีฬาลูกหนังแบบเต็มเหนี่ยว รับประกันเลยว่าความสำเร็จรอคอยอยู่ไม่ไกลหากใจกร้าวแกร่ง
ราษีไศล คือตัวอย่างของสโมสรที่มุ่งมั่นโดยแท้จริง
ไทยลีก 2 หรืออาจจะลีกสูงสุดแห่งสยามประเทศ รอพวกคุณอยู่ในอนาคตอันใกล้นี้!!
ภาพจาก : Rasisalai United