ฉลามต้องรีบปรับแก้ ไม่งั้นแย่แน่นอน!?

ฉลามต้องรีบปรับแก้ ไม่งั้นแย่แน่นอน!?
จังหวัดชลบุรี ชื่อนี้การันตีถึงความคลั่งไคล้ในกีฬาลูกหนังของผู้คนในพื้นที่ที่คลุกคลีกับวงการลูกหนังไทยมานานหลายสิบปี

ไม่ว่าจะโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา หรีอ โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยชลบุรี ที่ผลิตนักฟุตบอลสู่ทีมชาติมากมาย

แต่ที่โดดเด่นเป็นสง่าคือ ชลบุรี เอฟซี สโมสรที่ถูกยกให้เป็น 'ต้นแบบ' ของอาชีพโดยแท้จริง

จากแชมป์ ไทยพรีเมียร์ลีก 2007 ต่อด้วยคว้าถ้วย เอฟเอ คัพ 2010 และผงาดง้ำเป็นสโมสรแห่งความภาคภูมิของจังหวัด รวมถึงประเทศ อีกทั้งยังคงสถานะ 'ทีมใหญ่' ที่น่าเกรงขามได้อย่างยาวนาน

แต่แล้วซีซั่น 2023-24 ชลบุรี กลับหล่นสู่ ไทยลีก 2 แบบที่ทุกคนต่างตะลึงงัน

ด้วยศักยภาพผู้เล่นและรากฐานเยาวชนที่แข็งแรง พวกเขาใช้เวลาเพียงฤดูกาลเดียวกลับสู่จุดที่ควรจะเป็นอีกครั้ง

ก่อนซีซั่น 2025-26 สื่อทุกสำนักต่างวิเคราะห์ว่า ชลบุรี โฉมใหม่ที่คัมแบ็ก ไทยลีก จะต้องสร้างความยากลำบากใจให้คู่ต่อสู้แน่ๆ เพราะได้โค้ชที่เก่งกาจ แถมยังเป็นเลือดเอเชื้อไขของจังหวัดและเคยค้าแข้งที่นี่อย่าง ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น มาคุมทัพ

นอกจากนี้ การเสริมทัพนักเตะก็น่าดูชม เมื่อมีทั้ง ณัฐพงษ์ สายริยา, สันติภาพ จันทร์หง่อม สองนักเตะไทย ที่โลดแล่นในลีกสูงสุดมานาน

เท่านั้นไม่พอ โควตาต่างชาติก็ดีๆ ทั้งนั้น ไล่ตั้งแต่ เจฟเฟอร์สัน ทาบินาส, เลสลี่ย์ อtโบร์ห, กิเก้ ลินาเรส, ฮอร์เก้ เฟลลิเป้, โจนาธาน โบลันญี่, อาโบ เออิซ่า, แกร็ก อูล่า ที่ต่างก็เล่น ไทยลีก มาสดๆ ร้อนๆ

รวมไปถึง เควิน เรย์ เมนโดซ่า ผู้รักษาประตูคนใหม่ที่ฝีไม้ลายมือไว้ใจได้แน่นอน

เมื่อมาประกอบกับขุมกำลังเดิมอย่าง ชาญณรงค์ พรหมศรีแก้ว, ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์. ทรงชัย ทองฉ่ำ, ธนาเสฏฐ์ สุจริต และสองจอมเก๋า ปฐมชัย เสือสกุล กับ อดิศักดิ์ ไกรษร ยิ่งเพิ่มความเชื่อมั่นในระยะยาว

ภาพบนหน้ากระดานดูสวยหรู - กุนซือปราดเปรื่องเรื่องแท็กติก มีนักเตะประสบการณ์สูงให้เลือกใช้งานได้ตามแท็กติก ทั้งแฟนๆ ยังหนุนหลังสนับสนุนแบบเต็มเหนี่ยว

5 เกมแรก อาจจะหนักหน่อยกับการเผชิญหน้า ราชบุรี เอฟซี, แบงค็อก ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ เอฟซี แต่ก็ได้เล่นในบ้านนัดพบราชันมังกรกับบียู

ส่วนการเยือน นครราชสีมา เอฟซี และ ลำพูน วอร์ริเออร์ส ถือว่าต้องเล่นเพื่อมีแต้มเป็นอย่างน้อย

ชลบุรี ทำได้เช่นนั้นจริงๆ เมื่อบุกไปเก็บคะแนนจากทีมแมวพิฆาตกับราชันโคขาวได้ตามเป้าหมาย

แต่กับการเจอ ราชบุรี, แบงค็อก และ  การท่าเรือ พวกเขาแพ้รวด

หากมองไปที่รายละเอียดของการแข่งขัน ต้องยอมรับว่าศักยภาพของ ชลบุรี ยังเป็นรอง 3 ทีมหัวตารางพอสมควร โดยเฉพาะผู้เล่นต่างชาติที่ทิ้งช่องว่างให้เห็นแบบชัดเจน

ทว่าการสู้กับ ราชบุรี และ แบงค็อก ได้อย่างสมศักดิ์ศรี แม้จะครองบอลน้อยกว่า แต่ฉลามชลก็หาโอกาสเข้าทำ รวมถึงสร้างความยากลำบากให้แนวรับคู่แข่งได้มากทีเดียว ก่อนจะแพ้ไปฉิวเฉียดด้วยสกอร์ 0-1 ทั้งสองแมตช์

4 มี 2 คะแนน แต่เจอกับทีมกลุ่มท็อปไปแล้ว 2 ถือว่าไม่เสียหายมากนัก 

อย่างไรก็ตาม แม้ในแง่ผลการแข่งขันจะไม่แย่ แต่สภาพจิตใจถือว่าน่าเป็นห่วง ซึ่งมันก็มาส่งผลในเกมที่บุก แพท สเตเดี้ยม ของ การท่าเรือ นั่นเอง

เจ้าถิ่นเองก็อยู่ในช่วงฟอร์มตก ดังนั้นจึงต้องการ 3 คะแนน เพื่อรักษาเส้นทางการลุ้นแชมป์ในระยะยาว ส่วนฝั่ง ชลบุรี เองก็ปรารถนาชัยชนะนัดแรกของซีซั่น 2025-26 เพื่อหา 'จุดเปลี่ยน' ให้ทีมกลับมาเข้าร่องเข้ารอยอีกครั้ง

ทว่าสิ่งที่สะท้อนออกตลอดทั้ง 90 นาที ในสนาม ดูเหมือนนักเตะของ การท่าเรือ จะมีความกระเหี้ยนกระหือรือมากกว่าเอามากๆ เพราะแข้งฉลามชลเล่นเหมือนรอเสียงนกหวีดเป่าหมดเวลาเท่านั้น

โดยเฉพาะในครึ่งหลังที่หลายต่อหลายจังหวะไม่มีคนวิ่งลงมาช่วยเกมรับ มันเลยเปิดพื้นที่ให้สิงห์เจ้าท่ามีเวลาคิด-มีเวลาเลือกจังหวะในการสร้างสรรค์โอกาสทำประตู

หากใครได้ชมการแข่งขัน จะเห็นภาพพื้นที่ระหว่างแดนกลางและแดนหลังของ ชลบุรี ว่ามีระยะห่างกันไกลโพ้น ซึ่งมันทำให้ การท่าเรือ เล่นง่ายไปโดยปริยาย 

ดีที่ว่าสิงห์เจ้าท่าเองก็ผ่อนเกมไปเยอะ ไม่เช่นนั้นสกอร์อาจจะขาดลอยมากกว่านี้ก็เป็นได้

นัดต่อไปที่จะได้กลับมาเล่นในบ้านพบ ประจวบ เอฟซี ก็เป็นที่สาหัสสากรรจ์แน่ๆ เพราะอาคันตุกะนั้นยกระดับขยับไปใกล้กลุ่มหัวตารางมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แถมยังมี สะสม พบประเสริฐ อดีตเฮดโค้ชของฉลามชลคุมทัพอีกต่างหาก

เท่านั้นไม่พอ ก่อนจะพักเบรกทีมชาติ พวกเขาต้องบุกไปเยือน อุทัยธานี เอฟซี ที่ต้องการคะแนนไม่แพ้กัน 

2 เกมต่อจากนี้ หาก ชลบุรี ยังไร้ชัยชนะ บอกได้คำเดียวว่าโอกาสที่จะกลับสู่ ไทยลีก 2 มีสูงมากๆ แม้จะยังต้นฤดูกาล แต่มันจะส่งผลถึงความมั่นใจที่ถดถอยของตนเอง แถมไปเพิ่มให้คู่แข่งที่พร้อมจะลงโทษฉลามชลทุกๆ ทีม

หากมองในรายละเอียดของปัญหาที่ ชลบุรี กำลังเผชิญ สิ่งแรกที่เห็นได้ชัดคือ เกมรับที่ยังไม่นิ่ง แผงหลังของทีมยังเปิดช่องว่างให้คู่แข่งโจมตีได้ง่าย โดยเฉพาะระหว่างเซ็นเตอร์ฮาล์ฟกับฟูลแบ็กที่ไม่ค่อยประสานงานกันเท่าไหร่ 

แม้หลายคนจะมีประสบการณ์ใน ไทยลีก แต่ความเข้าใจแท็กติกของโค้ชดูจะยังเก้ๆ กังๆ มันเลยส่งผลให้ฝั่งตรงข้ามสร้างโอกาสได้บ่อยครั้ง 

ขณะที่ เกมรุกเองก็ยังไม่คมพอ แม้แดนกลางจะพอมีไอเดียในการขึ้นเกม แต่การจบสกอร์ยังขาดความหลากหลาย 

5 เกม ที่ผ่านมา โบลันญี่, โอเคอร์ ฟาน ลิงเก้น และ อูล่า มักจะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง แต่ก็ไม่มีผลงานที่น่าประทับใจ เพราะทั้ง 3 รายนี้เพิ่งจะยิงรวมกันได้ประตูเดียวเท่านั้น 

ส่วนคนอื่นๆ อย่าง เออิซ่า หรือ อดิศักดิ์ เองก็ไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้ เหตุนี้เอง แนวรับคู่แข่งจึงไม่ได้รู้สึกกดดันมากนัก 

หาก ชลบุรี ไม่เร่งหาทางใช้ประโยชน์จากปีกและแบ็กริมเส้นให้มากขึ้น โอกาสทำประตูจะยังมีไม่มากพอที่จะเก็บชัยชนะ

ที่น่ากังวลไม่น้อยไปกว่าศักยภาพในสนามก็คือสภาพจิตใจและแรงกระตุ้น หลังจากแพ้ในเกมใหญ่แบบต่อเนื่อง นักเตะหลายคนดูท้อถอย ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้จนวินาทีสุดท้าย 

นี่คือโจทย์ใหญ่ของ ธีระศักดิ์ ที่ต้องหาทางปลุกไฟในห้องแต่งตัวและทำให้ทีมกลับมามีความเชื่อมั่นว่า ชลบุรี ไม่ได้กลับมา ไทยลีก เพียงเพื่อดิ้นรนหนีตกชั้น แต่เพื่อยืนหยัดอย่างสง่างามในลีกสูงสุด

ดังนั้น หากฉลามชลยังไม่เร่งปรับแก้ทั้งเรื่องเกมรับ, เกมรุกและสภาพจิตใจ โอกาสที่จะเผชิญสถานการณ์เลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่มีสูงขึ้นทุกที 

ซีซั่นเพิ่งเริ่มต้นก็จริง แต่หากความมั่นใจถูกบั่นทอนลงเรื่อยๆ เส้นทางการกลับไป ไทยลีก 2 อาจไม่ไกลเกินจริง…

ฉลามต้องรีบปรับแก้ ไม่งั้นแย่แน่นอน!!



ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport