ชื่อของ แอรอน เกิร์ด กองหลังลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย จากสโมสรซิดนีย์ เอฟซี กำลังเป็นที่จับตามองในไทยลีก หลังย้ายร่วมทัพน้องใหม่ "พลังกาญจน์ เอฟซี" ด้วยสัญญายืมตัว ซึ่งไม่เพียงแค่เป็นการเริ่มต้นใหม่ในเส้นทางค้าแข้ง แต่ยังเป็นโอกาสทองของฟุตบอลไทยที่อาจได้เซนเตอร์ฮาล์ฟโควตาไทยอีกหนึ่งรายในอนาคตอันใกล้
ผลผลิตจากอะคาเดมี่ซิดนีย์ สู่ฟุตบอลอาชีพ
แอรอน เกิร์ด เกิดที่ออสเตรเลีย โดยมี คุณพ่อเป็นชาวออสซี่ และคุณแม่เป็นคนไทยจากจังหวัดนครราชสีมา ปัจจุบันเขาถือทั้งสัญชาติออสเตรเลียและไทย และผ่านระบบพัฒนาเยาวชนของ ซิดนีย์ เอฟซี ตั้งแต่ปี 2016
เขาก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 2022 และลงสนามไปแล้ว 28 นัด ยิงได้ 1 ประตู พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ ออสเตรเลีย คัพ 2023
แม้ช่วงหลังต้องเผชิญอาการบาดเจ็บหนัก ทั้งเท้าและกระดูกไหปลาร้า แต่เจ้าตัวก็กลับมาฟิตเต็มร้อย และพร้อมพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในไทยลีก
โอกาสครั้งใหม่ในไทย: ทั้งเรื่องฟุตบอลและครอบครัว
การย้ายมายัง พลังกาญจน์ เอฟซี นอกจากจะช่วยให้เขาได้โอกาสลงสนามมากขึ้น (จากฤดูกาลก่อนที่ได้เล่นเพียง 6 นัด) ยังเป็นการเติมเต็ม "ความผูกพันส่วนตัว" เนื่องจาก ครอบครัวฝ่ายคุณแม่ของเกิร์ด อาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ และโคราช
เจ้าตัวเผยถึงความรู้สึกว่า:
“ผมรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้มาเล่นในประเทศไทย หลังผ่านอาการบาดเจ็บ ตอนนี้ผมฟิตเต็มที่ และพร้อมทุ่มเทกับสโมสรใหม่ การได้กลับมาอยู่ใกล้ครอบครัวในไทย ทำให้การตัดสินใจครั้งนี้มีความหมายยิ่งขึ้น”
สไตล์การเล่น: แข็งแกร่ง ดุดัน อเนกประสงค์
แอรอน เกิร์ด มีส่วนสูงถึง 1.88 เมตร เล่นได้ทั้ง เซนเตอร์แบ็กและมิดฟิลด์ตัวรับ จุดเด่นของเขาคือการอ่านเกมดี, เข้าบอลแม่นยำ และลูกกลางอากาศไว้ใจได้ โดยมีจังหวะปะทะหนักแน่น และกล้าเล่นในทุกสถานการณ์
นอกจากนี้ยังมีพื้นฐานบอลกับพื้นที่ดี สามารถเล่นตามระบบสมัยใหม่ที่กองหลังต้องออกบอลได้ด้วย
โอกาสกับทีมชาติไทยในอนาคต?
ด้วยการที่เกิร์ดถือพาสปอร์ตไทย เขามีสิทธิ์ลงเล่นให้กับ ทีมชาติไทย หากเขาตัดสินใจเปลี่ยนสัญชาติฟุตบอลตามข้อกำหนดของ FIFA และทำผลงานเข้าตาในการค้าแข้งที่เมืองไทย
ปัจจัยที่น่าสนใจยิ่งขึ้นคือการได้ร่วมทีมกับ อันดรอส ทาวน์เซ่นด์ อดีตปีกทีมชาติอังกฤษ ซึ่งจะช่วยพัฒนาทั้งทักษะและแนวคิดความเป็นมืออาชีพในทุกมิติ
แม้ตอนนี้จะยังไม่ใช่ชื่อที่แฟนบอลไทยคุ้นหูมากนัก แต่จากองค์ประกอบทั้งร่างกาย, ประสบการณ์ และความผูกพันทางสายเลือด — แอรอน เกิร์ด คืออีกหนึ่งชื่อที่ควรจับตาในเวทีไทยลีกฤดูกาล 2025/26 และอนาคตของทัพ “ช้างศึก”