เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดฤดูกาล ไทยลีก 2025/26 เกมรับเปลี่ยนใหม่ยกชุด เก็บ 2 คลีนชีตจาก 3 นัดแรก ภายใต้การคุมทีมของ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค เติมพลังบวกพร้อมท้าชิงความสำเร็จ
ศึก ไทยลีก ฤดูกาล 2025-26 เปิดฉากอย่างเป็นทางการ โดยผ่านไปแล้ว 3 นัด ความเข้มข้น-ความแปลกใหม่ของซีซั่นนี้ถือว่ามีให้เห็นชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มโควตานักเตะต่างชาติที่ช่วยยกระดับการแข่งขันให้ดุเดือด, จำนวนแฟนๆ ในสนามที่มากขึ้น รวมถึงการกระจายตัวของสโมสรไปตามภูมิภาคต่างๆ ที่ทำให้ฟุตบอลลีกอาชีพมีสีสันและความเข้มข้นมากกว่าเดิม
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้ง่ายดายเหมือนในอดีต ตัวอย่างเช่น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ถูกมองว่าเป็นเต็งหนึ่ง แต่กว่าจะเฉือนเอาชนะ ลำพูน วอร์ริเออร์ส และ เชียงราย ยูไนเต็ด ได้ก็ต้องเหนื่อยไม่น้อย
สิ่งๆ นี้สะท้อนให้เห็นถึงความสูสีและสมดุลของทุกสโมสรในซีซั่นปัจจุบัน
แต่ถ้าจะพูดถึงทีมที่พัฒนาตัวเองอย่างผิดหูผิดตาไปจากฤดูกาลที่ผ่านมา เมืองทอง ยูไนเต็ด คือชื่อที่ต้องยกให้มาเป็นอันดับแรก
พวกเขามีการเปลี่ยนแปลงอยู่มากมาย ไล่ตั้งแต่การปรับโฉมแนวรับใหม่แทบจะยกชุด
เกมรับจากฤดูกาลก่อนที่มี กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก เฝ้าเสา ก็ถูกแทนที่ด้วย อาร์มิน เกรมส์ล ผู้รักษาประตูรายใหม่
ส่วนคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟก็เปลี่ยนจาก อาลี ซิสโซโก้ และ อับบอส โอตาโคนอฟ มาเป็น สเตฟาน ซอนคอฟ กับ เนลสัน ออร์จิ
ขณะที่ตำแหน่งแบ็กซ้ายที่มักจะขยับ ขอห์น-พาทริก สเตร้าสส์ มายืน ซีซั่น 2025-26 ก็ได้ ไมเคิ่ล เคมพ์เทอร์ ประจำการอย่างถาวร
เท่ากับว่าในบรรดาแนวรับ มีเพียง ทริสต็อง โด ที่ยังคงยืนหยัดเป็นตัวหลักจากซีซั่นก่อนเพียงรายเดียว
ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขนาดนี้ หลายคนอาจกังวลว่าจะทำให้ทีมขาดความลงตัว แต่ รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค กุนซือคนใหม่กลับสามารถปรับจูนทุกคนให้เล่นร่วมกันอย่างเข้าขาได้อย่างน่าทึ่ง
นี่คือสิ่งที่ต้องยกความดี-ความชอบให้เต็มๆ
ผลลัพธ์คือ 3 เกมแรก เมืองทอง เก็บได้ถึง 2 คลีนชีต ถือเป็นสถิติที่น่าชื่นชม แม้ในเกมเสมอ อยุธยา ยูไนเต็ด 2-2 จะมีจุดโหว่จากลูกตั้งเตะ ทว่า 'โค้ชอ้น' ก็แก้ปัญหาได้ทันควัน
ในเกมล่าสุดที่เปิดบ้านชนะ พลังกาญจน์ เอฟซี ที่มาพร้อมฟอร์มการเล่นสุดดุดัน แต่พอมาเยือน ธันเดอร์โดม ทัพม้าเหล็กแทบไปไม่เป็น เมื่อโดนแท็กติกการป้องกันของกิเลนผยองที่วางกลยุทธ์สุดแยบยลนั่นเอง
เมื่อเกมรับมั่นคง เกมรุกก็ไหลลื่น
การที่จุดอ่อนใหญ่สุดถูกอุดเต็ม ทำให้แนวรุกของ เมืองทอง สามารถเล่นได้อย่างมั่นใจและสร้างสรรค์มากขึ้น
แม้จะเสีย ปรเมศย์ อาจวิไล ที่เดินทางไปตามหาฝันที่ญี่ปุ่น แต่พวกเขายังมี เมลวิน ลอเรนเซ่น, กรวิชญ ทะสา, ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท รวมถึงสองแข้งใหม่ อานาส อาฮานนัค และ เคแนน ดึลวัลด์-ตูราน คอยเติมสีสันในเกมรุก
บวกเข้ากับมิดฟิลด์อนาคตไกล คคนะ คำยก เจ้าของรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยม ไทยลีก 2024-25 ทำให้แดนบนกิเลนผยองมีมิติและพร้อมสร้างความอันตรายในทุกๆ จังหวะ
ความมั่นใจที่กำลังเติบโต
แม้ว่า 3 เกมแรก เมืองทอง จะยังไม่ได้เผชิญหน้ากับทีมใหญ่ แต่การออกสตาร์ตที่ดีถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ เพราะในโลกของกีฬา 'ความมั่นใจ' คือกุญแจสู่ชัยชนะ
เมื่อทีมหรือตัวบุคคลมีความมั่นใจ ทุกอย่างก็จะดูง่ายขึ้นทั้งในแง่แท็กติกและการเล่นในสนาม
เมืองทอง เป็นสโมสรที่มีดีเอ็นเอแห่งนักสู้ มีแฟนๆ หนุนหลังมหาศาล ตลอด 2 ฤดูกาลหลังสุดพวกเขาเข้าถึงรอบชิงฟุตบอลถ้วยทั้ง ช้าง เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ แม้จะได้เพียงรองแชมป์ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของผู้เล่นทั้งจากอะคาเดมี่และการเสริมทัพนักเตะต่างชาติที่แม่นยำ
เส้นทางในฤดูกาลนี้ยังอีกยาวไกล แต่อดีตแชมป์ ไทยลีก 4 สมัย กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาไม่เพียงแค่กลับมาสร้างความมั่นใจให้แฟนๆ เท่านั้น แต่ยังพร้อมท้าชิงความสำเร็จทุกรายการอีกครั้ง
กิเลนโฉมใหม่กับพลังบวกที่กำลังมา