แบงค็อก ยูไนเต็ด เพิ่งประกาศคว้า ธีรศิลป์ แดงดา เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ และแม้ปัจจุบันหัวหอกทีมชาติไทย จะอายุ 37 ปี ไปแล้ว ทว่าหมอนี่ยังมีเขี้ยวเล็บที่สามารถยกระดับบียูได้แน่ ซึ่งนี่คือ 'ประโยชน์' ที่ทัพแข้งเทพจะได้รับเมื่อมีอดีตศูนย์หน้า อัลเมเรีย อยู่ในทีม!!
[ 1 ] ยกระดับมิติเกมรุกและความเฉียบคมในการจบสกอร์
ธีรศิลป์ แดงดา ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์หน้าตัวเป้าทั่วไป แต่เขาคือหัวหอกที่มีความครบเครื่องมากที่สุดคนหนึ่งของเมืองไทย ตลอดอาชีพค้าแข้ง เขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีความสามารถในการทำประตูที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการยิงจากเท้าซ้ายที่ทรงพลัง, เท้าขวาที่แม่นยำ หรือลูกโหม่งที่เฉียบขาด
นอกจากนี้ หมอนี่ยังเป็นกองหน้าที่เล่นกับบอลได้ดีเยี่ยม มีวิสัยทัศน์ในการจ่ายบอลและสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ การเคลื่อนที่ของเขาฉลาดหลักแหลม ทั้งการหาพื้นที่ในกรอบเขตโทษ การลงมาเชื่อมเกม หรือการดึงตัวประกบเพื่อเปิดช่องว่างให้กับแนวรุกคนอื่นๆ
ประสบการณ์ในเกมระดับสูงทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศ เช่นเล่นในลีกสเปน หรือญี่ปุ่น (อัลเมเรีย, ซานเฟรซเช่ ฮิโรชิมะ, ชิมิซึ เอส-พลัส์) ทำให้เขามีความเข้าใจเกมในระดับที่เหนือกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ซึ่งจุดนี้จะเข้ามาเติมเต็มมิติแนวรุกของ แบงค็อก ที่มีนักเตะความเร็วสูง ทั้งยังเทคนิคดีอยู่แล้ว ให้มีความเฉียบคมและอันตรายมากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ทีมต้องการประตูในช่วงเวลาสำคัญ ธีรศิลป์ คือคนที่จะแบกความกดดันและตัดสินเกมได้
[ 2 ] ต้นแบบที่ดีทั้งในและนอกสนาม
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ธีรศิลป์ คือหนึ่งใน 'ไอคอน' หรือ 'สัญลักษณ์' ของวงการฟุตบอลไทย การมีเขาอยู่ในทีม ไม่ได้หมายถึงแค่การได้แข้งฝีเท้าดีมาร่วมทีมเท่านั้น แต่ยังเป็นการได้ 'ผู้นำ' โดยธรรมชาติเข้ามาด้วย
แม้พี่แกอาจไม่ใช่คนประเภทที่ตะโกนสั่งการในสนามตลอดเวลา แต่ความเป็นมืออาชีพ, ความมุ่งมั่นและความทุ่มเทของเขาจะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อเพื่อนร่วมทีมทุกคน โดยเฉพาะนักเตะอายุน้อยของ แบงค็อก ที่จะได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงของนักฟุตบอลระดับตำนาน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวินัยในการฝึกซ้อม, การดูแลรักษาสภาพร่างกาย, การรับมือกับความกดดันในสถานการณ์ต่างๆ หรือแม้แต่มุมมองที่มีต่อเกมฟุตบอล การมีผู้เล่นอย่าง ธีรศิลป์ จะช่วยยกระดับมาตรฐานโดยรวมของทีม ทั้งในแง่ของทัศนคติและสภาพจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการลุ้นแชมป์ในระยะยาว
นักเตะรุ่นใหม่จะได้เห็น 'ของจริง' และซึมซับความเป็นมืออาชีพนี้ไปปรับใช้กับตัวเอง ซึ่งถ้าใครเก็บเกี่ยวได้ อนาคตบนเส้นทางลูกหนังย่อมเป็นไปตามที่ตนเองวาดหวังอย่างแน่นอน
[ 3 ] ประสบการณ์ลุ้นแชมป์และช่วยเสริมความมั่นใจให้นักเตะรอบข้าง
ดาวยิงเชื้อสายสุรินทร์ คือผู้เล่นที่ผ่านประสบการณ์การลุ้นแชมป์มานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ลีกกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในขณะที่ทีมชาติ เขาก็โลดแล่นในยุทธจักรมาใกล้แต่หลัก 20 ปี
เป้าหมายสูงสุดและเป็นสิ่งที่ แบงค็อก ปรารถนามานานปี คือการคว้าแชมป์ ไทยลีก ให้สำเร็จ ดังนั้นการมีผู้เล่นที่ผ่านร้อน-ผ่านหนาว-ผ่านความกดดันสูงอย่าง ธีรศิลป์ ถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญแบบยิ่งยวด
เขาเข้าใจถึงวิธีการรับมือกับแรงกดดันในเกมที่ต้องชนะ, การรักษาฟอร์มการเล่นให้สม่ำเสมอและการกระตุ้นทีมในช่วงเวลาที่สำคัญ
ความนิ่งและความเก๋าของ ธีรศิลป์ จะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาล โดยเฉพาะใน เกมใหญ่ที่ต้องพบกับคู่แข่งสำคัญ หรือในสถานการณ์ที่ทีมกำลังอยู่ในช่วงฟอร์มตก
หัวหอกวัย 37 ปี คือคนที่สามารถสร้างความแตกต่างและเป็นที่พึ่งของทีมได้ ด้วยการพาตัวเองไปอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดหรือสร้างจังหวะสำคัญให้ทีมได้อยู่เสมอ
การมี ธีรศิลป์ จะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับเพื่อนร่วมทีม รวมไปถึงแฟนๆ ว่า แบงค็อก มีความพร้อมและศักยภาพที่จะก้าวไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้
[ 4 ] ผนึกกำลังอดีตเพื่อนร่วมทีม-เฮดโค้ชที่รู้ใจ
ด้วยความที่ ธีรศิลป์ เป็นนักเตะตัวหลักของทีมชาติไทย มาตลอดระยะเวลานับสิบปี อีกทั้งยังค้าแข้งกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ชุดแชมป์ ไทยลีก 2009, 2010, 2012 และ 2016 มันจึงทำให้เขาได้สัมผัสโค้ช รวมไปถึงเพื่อนร่วมทีมมากหน้าหลายตาที่ประสบความสำเร็จด้วยกันมา
แบงค็อก ฤดูกาล 2025-26 มี 'อดีตเพื่อนร่วมทีม' ของอดีตศูนย์หน้า อัลเมเรีย ไล่ตั้งแต่ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และ สุพรรณ ทองสงค์ ที่ได้แชมป์ ไทยลีก ในนามกิเลนผยอง
นอกจากนี้ ทีมชาติไทย ก็มีทั้ง ปฏิวัติ คำไหม, นิติพงษ์ เสลานนท์, รุ่งรัตน์ ภูมิจันทึก, วีระเทพ ป้อมพันธ์, จักพัน ไพรสุวรรณ และ ปกเกล้า อนันต์ ที่ต่างก็เคยฝึกซ้อมร่วมกันมาในแคมป์ช้างศึก
ผู้เล่นเหล่านี้คือ 'คนคุ้นเคย' ของ ธีรศิลป์ ดังนั้นจึงแทบไม่ต้องปรับอะไรมาก มองตา-รู้ใจ และใส่สกอร์ได้ยาวๆ
ที่สำคัญ นี่ยังเป็นการหวนคืนมาร่วมงานกับ ธชตวัน ศรีปาน กุนซือผู้พา เมืองทอง ฟาดแชมป์ ไทยลีก 2016 และยังพากิเลนผยองทะลุรอบน็อก-เอาต์ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2017 ซึ่งเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ที่เคยทำได้อีกต่างหาก
เฮดโค้ชชาวสระบุรี รู้จัก ธีรศิลป์ เป็นอย่างดี เขาย่อมมีคู่มือในการใช้งานศูนย์หน้าวัย 37 ปี ให้สำแดงเดชได้เต็มศักยภาพที่สุด
แม้จะเป็นทีมใหม่ แต่สภาพแวดล้อมนั้นไม่ใหม่เลย มันจึงส่งเสริมให้ แบงค็อก จะได้ประโยชน์จากหมอนี่อีกมหาศาลทีเดียว
[ 5 ] ดึงดูดแฟนๆ และเพิ่มมูลค่าทางการตลาด
แม้ว่า ธีรศิลป์ จะอายุ 37 ปี ซึ่งเป็นช่วงปลายของอาชีพค้าแข้ง อีกทั้งเขาก็เป็นนักเตะที่ไม่ชอบชีวิตที่ฉูดฉาด แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนยอมรับคือ 'ความเก่งกาจ' ทางด้านฝีเท้า ซึ่งถูกยกให้อยู่ในระดับ 'ตำนาน' ทีมชาติไทย
จุดนี้เองที่ แบงค็อก สามารถนำมาต่อยอดในแง่การตลาดได้อีกเพียบ โดยเฉพาะเบอร์ 10 ที่เป็นหมายเลขประจำตัวของหัวหอกรายนี้ ที่สามารถนำไปจัดแคมเปญจ์หรือเจาะกลุ่มเป้าหมายได้หลายหลาก
นอกจากนี้ ด้วยชื่อและความยิ่งใหญ่ของ ธีรศิลป์ มันย่อมดึงดูดแฟนฟุตบอลชาวไทย ให้เทใจมาเชียร์บียูกันเพิ่มขึ้น เพราะนี่คือผู้เล่นที่น้อยนักจะมีให้เห็นในยุคหลังๆ
หากว่าทีมการตลาดของ แบงค็อก กำหนดแผนงานดีๆ รับประกันเลยว่าสโมสรของพวกเขาจะมีเพิ่มมูลค่าเพิ่มพูนอีกแน่นอน