บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เหลืออีกเพียง 5 เกมในฤดูกาล 2024-25 กับภารกิจล่าแชมป์ Shopee Cup, ช้าง เอฟเอ คัพ และ รีโว่ ลีก คัพ หากทำสำเร็จจะกลายเป็นสโมสรไทยทีมแรกที่คว้า 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียว
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กำลังเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล 2024-25 ซึ่งถือเป็นห้วงเวลาที่มีการเดิมพันสูงสุดเท่าที่สโมสรเคยเผชิญ เพราะไม่ใช่แค่เรื่องการลุ้นแชมป์เท่านั้น แต่คือการ 'สร้างประวัติศาสตร์' ให้กับสโมสรและวงการฟุตบอลไทย โดยพวกเขายังมีโอกาสหยิบ 3 ถ้วยในประเทศ บวกกับอีกหนึ่งโทรฟี่ระดับอาเซียน
นี่คือ 5 เกมสุดท้ายที่เหลืออยู่ของปราสาทสายฟ้า ไม่เพียงแต่เป็นบทพิสูจน์ของคุณภาพทีม แต่ยังวัดถึงหัวใจนักสู้, การจัดการทีมในสถานการณ์ต่างๆ และแรงกดดันที่ถาโถมเข้ามาทุกสารทิศ!!
[ 1 ] รอบชิงชนะเลิศ Shopee Cup 2024-25 กับ กง อันห์ ฮา นอย 2 นัด (พุธที่ 14 และพุธที่ 21 พฤษภาคม)
Shopee Cup 2024-25 เป็นการกลับมาแข่งขันฟุตบอลสโมสรอาเซียน เป็นหนแรกในรอบ 20 ปี ซึ่งถือว่าได้รับความสนใจพอสมควร เนื่องจากกระแสตอบรับในแต่ละประเทศต่างก็ตื่นตัวกับทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะมันมีคำว่า 'ศักดิ์ศรี' ของแต่ละชาติค้ำคออยู่นั่นเอง
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในฐานะตัวแทนจากดินแดนขวานทองผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ กง อันห์ ฮา นอย ยอดทีมจากเวียดนาม ที่เอาชนะพวกเขาได้ในรอบแรก 2-1
นี่คือเกมที่หนักหน่วงเอามากๆ ของปราสาทสายฟ้า เพราะคู่ต่อสู้นั้นมี อเล็กซานเดร โพลกิ้ง กุนซือที่รู้จักฟุตบอลไทย เป็นอย่างดีกุมบังเหียน
เท่านั้นไม่พอ บรรดานักเตะของ กง อันห์ ฮา นอย ก็เป็นผู้เล่นทีมชาติเวียดนามเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทุกคนคงรู้ดีว่าเวลานักเตะเหล่านี้เจอะเจอกับอะไรที่เกี่ยวกับทัพช้างศึก พวกเขามักจะมีลูกฮึดเพิ่มพูนทวีคูณหลายเท่า
แม้ฝั่ง บุรีรัมย์ จะอุดมไปด้วยแข้งคุณภาพที่แบ่งเป็นสองทีมได้สบายๆ แต่การที่ต้องลงสนามแบบถี่ยิบ แถมยังเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่ใส่เกินร้อย มันย่อมมีโอกาสที่จะพลาดพลั้งได้สูงมาก
หากปราสาทสายฟ้าคว้าแชมป์รายการนี้ได้ จะเป็นการคว้าถ้วยระดับอาเซียน เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร และด้วยความที่รอบชิงชนะเลิศนั้นแข่งขันก่อน ช้าง เอฟเอ คัพ กับ รีโว่ ลีก คัพ หากพวกเขาทำตามเป้าหมายสำเร็จ มันจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ทะยานไปคว้าในอีกสองถ้วยที่เหลืออย่างแน่นอน
[ 2 ] รอบชิงชนะเลิศ ช้าง เอฟเอ คัพ 2024-25 กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด (เสาร์ที่ 24 พฤษภาคม)
ถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ 2024-25 น่าจะเป็นรายการที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หนักใจที่สุดก็ว่าได้ เพราะคู่ต่อสู้ในรอบชิงชนะเลิศของพวกเขาคือ เมืองทอง ยูไนเต็ด คู่รัก-คู่แค้นตลอดกาลนั่นเอง
แม้ปัจจุบันกิเลนผยองจะมีความเปลี่ยนแปลงจากเก่าก่อนพอประมาณ แต่ไม่ว่าคราใดที่เผชิญหน้าปราสาทสายฟ้า พวกเขาจะสร้างคำลำบากใจให้เสมอ อีกทั้งทุกเกมที่พบกัน การันตีความตื่นเต้นตั้งแต่วินาทีแรกที่คิ๊ก-ออฟ
เมืองทอง กำลังอยู่ในห้วงเวลาที่มั่นใจ พวกเขาชนะ 5 จาก 6 นัด หลังสุดในทุกรายการ อีกทั้งในถ้วย ช้าง เอฟเอ คัพ ก็ยังน็อกทีมแกร่งอย่าง สุโขทัย เอฟซี, แบงค็อก ยูไนเต็ด และ ราชบุรี เอฟซี มาได้อีกต่างหาก
เมื่อบวกกับผู้เล่นอย่าง ปรเมศย์ อาจวิไล, คคนะ คำยก, พิชา อุทรา และ เมลวิน ลอเรนเซ่น ที่ฟอร์มร้อนขึ้นเรื่อยๆ มันจึงทำให้อดีตแชมป์ ไทยลีก 4 สมัย น่าเกรงขามขึ้นหลายเท่าตัว
ในจำนวน 5 แมตช์ ของ บุรีรัมย์ การพบกับ เมืองทอง นี่แหละคือเกมที่น่าจะสร้างความยากเย็นแสนเข็ญให้กับพวกเขาได้มากที่สุด
[ 3 ] รอบรองชนะเลิศกับ รีโว่ ลีก คัพ 2024-25 กับ หนองบัว พิชญ เอฟซี (อาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม)
รีโว่ ลีก คัพ 2024-25 น่าจะเป็นรายการปิดท้ายซีซั่น เพราะรอบรองชนะเลิศจะห้ำหั่นกันในวันเสาร์ที่ 17 และอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม ดังนั้นรอบชิงชนะเลิศจึงจะขยับไปอีกแน่ๆ
คู่แข่งของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในรอบ 4 ทีม สุดท้ายคือ หนองบัว พิชญ เอฟซี น้องใหม่ ไทยลีก 2 ฤดูกาลหน้า ทีมที่พวกเขาเพิ่งถล่ม 7-0 ในแมตช์คว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 10 นั่นเอง
หากนับตาม เฮด ทู เฮด ถือว่ปราสาทสายฟ้าเหนือกว่าบานตะไท เพราะเจอกัน 8 ครั้ง เป็นฝั่งทีมเซราะกราวที่ชนะไปถึง 7 และเสมอแค่หนเดียวเท่านั้น ทั้งยังถลุงตาข่ายพญาไก่ชนไปถึง 24 ประตู (เฉลี่ยเกมละ3 ลูก) โดยเสียไปให้เพียง 2 ประตู เท่านั้น
เมื่อมองจากองค์ประกอบและปัจจัยรอบด้าน ก็ไม่เห็นเหลี่ยมมุมใดที่ หนองบัว พิชญ จะเอาชนะ บุรีรัมย์ ได้เลย
ดังนั้นปราสาทสายฟ้าน่าจะทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้แบบไม่ยากเย็นนัก ทีนี้ขึ้นอยู่ที่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใคร ระหว่าง ราชบุรี เอฟซี กับ ลำพูน วอร์ริเออร์ส
ไม่ว่าจะเป็นทีมใด ก็ถือเป็นงานที่สาหัสสากรรจ์ทีเดียว เพราะทั้งสองทีมต่างก็ปรารถนาจะหยิบโทรฟี่ ช้าง เอฟเอ คัพ ให้ได้
หากเจอ ราชบุรี ก็ถือเป็นการล้างตาเกมลีกที่เพิ่งพ่ายไปหวุดหวิด 2-3 แต่อาจจะลำบากตรงที่วินาทีนี้ทัพราชันมังกรกำลังคึกคัก โดยเฉพาะแผงมิดฟิลด์กับแนวรุกที่ลงตัวซะเหลือเกิน
แต่ถ้าเป็น ลำพูน อันนี้ก็น่าสนใจ เนื่องจากเฮดโค้ชของราชันโคขาวคือ อเล็กซานเดร กามา อดีตกุนซือผู้วางรากฐานความสำเร็จให้กับ บุรีรัมย์ นั่นเอง
ช้าง เอฟเอ คัพ ถือเป็นอีกหนึ่งถ้วยที่ปราสาทสายฟ้าต้องทุ่มสุดตัวเช่นกัน หากต้องการครอบครองมันในบั้นปลาย
บทสรุป
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่แค่มีลุ้นแชมป์ แต่มีลุ้นเขียน 'ประวัติศาสตร์บทใหม่' ที่ไม่เคยมีสโมสรใดในเมืองไทย ทำได้มาก่อน นั่นคือ
- หากได้แชมป์ ช้าง เอฟเอ คัพ และ รีโว่ ลีก คัพ พวกเขาจะเป็น เทรเบิ้ลแชมป์ สมัยที่ 5
- หากได้แชมป์ Shopee Cup พวกเขาจะเป็นจ้าวอาเซียนในระดับสโมสร
- หากชนะครบทั้ง 5 เกม ต่อจากนี้ พวกเขาจะเป็น 5 แชมป์ ในฤดูกาลเดียว ซึ่งเป็นสโมสรแรกของเมืองไทย ที่ทำได้สำเร็จ
ภาพจาก : BURIRAM UNITED