จบเร็วหรือตามเดิม!? ไทยลีกร่อนจดหมายถึงทุกสโมสรประเด็นปิดลีก

บ.ไทยลีก ร่อนจดหมายทางการเพื่อถามทุกสโมสร ขอความเห็นตัดสินใจแบบไหน แบบ 1 คือยึดปฏิทินตามเดิมจบเดือน พ.ค.66 หรือแบบ 2 ปรับปฏิทินใหม่ขยับโปรแกรมมาจบเร็วขึ้นในเดือน เม.ย.66 ระบุขีดเส้นตายทุกทีมต้องตอบกลับภายในวันที่ 15 พ.ย.นี้เท่านั้น ขณะที่ บ.ไทยลีก ย้ำชัดเก็บรักษาข้อมูลนี้ไว้เป็นความลับ

บริษัท ไทยลีก จำกัด ได้ส่งหนังสือเลขที่ TL-534/2565 ลงวันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 ถึงประธานสโมสรฟุตบอลลีกอาชีพรายการไทยลีก 1 และ ไทยลีก 2 ประจำปี 2565/66 หรือฤดูกาล 2022-23 เรื่อง สอบถามความคิดเห็นในการปรับรูปแบบปฏิทินการแข่งขัน พร้อมทั้งแนบแบบสอบถามให้พิจารณา 

โดยในหนังสือระบุว่า ตามที่นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้มีนโยบายให้ทบทวนเรื่องการปรับปฏิทินการแข่งขันฟุตบอลอาชีพ โดยแจ้งให้ฝ่ายเทคนิคและทีมชาติไทยประสานกับบริษัท ไทยลีก จำกัด เพื่อหารือกับสโมสรสมาชิก พร้อมขอให้สโมสรร่วมมือแสดงความคิดเห็น และการตัดสินใจ เพื่อให้ฟุตบอลไทยเดินหน้าต่อไปได้ทั้งฟุตบอลลีกอาชีพและเป้าหมายในการแข่งขันรายการต่างๆของทีมชาติไทยในระดับต่างๆนั้น

ในการนี้ บริษัท ไทยลีก จำกัด จึงขอสอบถามความเห็นจากสโมสรของท่านในการปรับเปลี่ยนปฏิทินการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพของประเทศไทย ประจำปี 2565/66 โดยมี 3 

ช่องให้เลือกแบบใดแบหนึ่ง ดังนี้

- แบบที่ 1 ใช้ปฏิทินการแข่งขันเดิม โดยจะจบฤดูกาลในเดือนพฤษภาคม 2566

- แบบที่ 2 ปรับปฏิทินการแข่งขันให้จบฤดูกาลแข่งขันในเดือนเมษายน 2566 โดยใช้ FIFA DAYS ในเดือนมีนาคม 2566 ในการแข่งขันฟุตบอลลีก

- งดออกเสียง 

ทั้งนี้ บริษัท ไทยลีก จำกัด ขอให้สโมสรของท่านตอบแบบสอบถามนำส่งทางอีเมล์ ภายในวันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 พร้อมกับระบุหมายเหตุว่า : บริษัทจำเก็บรักษาข้อมูลนี้ไว้เป็นความลับ

สำหรับปฏิทินที่ก่อนหน้านี้ได้ปรับเลื่อนมาจบเร็วขึ้นคือ ฟุตบอลไทยลีก 1 เลกสอง จะเปิดวันที่ 21-22 ม.ค.66 และปิดฤดูกาล 22 เม.ย.66 และกระชับโปรแกรมไทยลีก โดยใช้ช่วงฟีฟ่าเดย์ จำนวน 2 นัด ประกอบด้วย เพิ่มเกมกลางสัปดาห์ 2 นัด คือ วันที่ 14-16 มี.ค.66 และวันที่ 28-30 มี.ค.66 โดยกีฬาซีเกมส์ 2023 ที่ประเทศกัมพูชา จะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 5-17 พ.ค.66 ทำให้หลายสโมสรต่างทีแสดงเจตนารมณ์ไม่เห็นด้วยกับการขยับโปรแกรมเพื่อเอื้อต่อซีเกมส์ ทำให้ บ.ไทยลีก ต้องส่งจดหมายขอสอบถามความเห็นจากสโมสรในครั้งนี้


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport