บุรีรัมย์ กับห้วงเวลาที่ยากลำบาก

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับศึก ซูเปอร์ บิ๊ก แมตช์ ของ ไทยลีก 2023-24 สัปดาห์ที่ 12 ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งก็ยังคงเดิม ในเรื่องของความสนุก, ตื่นเต้นและเร้าใจ

   ผลเสมอ 2-2 ที่ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม น่าจะเป็นฝั่งเจ้าถิ่นที่ดูโอเคกว่า ด้วยศักยภาพและตัวผู้เล่นที่เป็นรองอยู่พอสมควร ดังนั้น 1 คะแนน ที่ได้มาของกิเลนผยองจึงถือเป็นแต้มใหญ่ที่พวกเขาพอใจ

   กลับกันกับฝั่งปราสาทสายฟ้าที่ยังควานหาชัยชนะในลีกไม่เจอเป็นนัดที่ 5 ติดต่อกันเข้าไปแล้ว และนี่คือการเสมอติดๆ กันยาวนานที่สุด นับตั้งแต่ใช้ชื่อ บุรีรัมย์ ในปี 2009 

   ก่อนหน้านี้มีเพียงซีซั่น 2010, 2012 และ 2016 ที่พวกเขา 'ชวดแชมป์' ก็แบ่งแต้มกับคู่แข่ง 4 ติดๆ กันนี่แหละ แต่เป็นการเสมอ 4 นัดรวดเท่านั้น

   กระทั่งสถิติ 4 เกม มาถูกทำลายในฤดูกาล 2023-24 ที่เสมอ 5 แมตช์ติดต่อกัน

   แม้ว่าผ่านสัปดาห์ที่ 12 บุรีรัมย์ จะยังไม่แพ้ใครเลย แต่ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องดี เพราะตอนนี้พวกเขามีแต้มตามหลัง แบงค็อก ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นจ่าฝูงอยู่ถึง 8 คะแนน และทางบียูก็ไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลงเสียด้วย

   เท่านั้นไม่พอ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ซึ่งอยู่อันดับ 2 ก็เริ่มแรงขึ้นมาทีละนิด และมันก็ไม่ใช่เรื่องดีต่อแชมป์เก่าแน่ๆ เพราะมักจะเป็นงานยากขึ้นอีกเท่าตัว 

   ลำพังแค่ แบงค็อก ก็ไล่ลำบากแล้ว ต้องมาเจอกับกระต่ายแก้วอีก การป้องกันบัลลังก์ก็ยิ่งจะทวีคูณความหินไปเรื่อยๆ

   จากฟอร์มการเล่นในเกมที่บุกเสมอ เมืองทอง ต้องบอกว่า บุรีรัมย์ เหมือนจะขาดความกระหายต่อชัยชนะไปพอสมควร ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพวกเขาคว้า 'เทรเบิ้ลแชมป์' มาติดๆ 2 ซีซั่น ไฟปรารถนาย่อมต้องลดลงเป็นธรรมดา

   แต่สิ่งที่แปลกตาไปคือเรื่องความเฉียบขาดในพื้นที่สุดท้ายที่ฤดูกาลปัจจุบันยิงไปเพียง 14 ประตู เท่านั้น

   มันคือตัวเลขที่น้อยกว่า นครปฐม เอฟซี, ตราด เอฟซี, ราชบุรี เอฟซี, โปลิศ เทโร เอฟซี, ขอนแก่น ยูไนเต็ด, เมืองทอง และ ลำพูน วอร์ริเออร์ส เสียอีก

   อาจจะจริงที่พวกเขาเล่นน้อยกว่าทีมข้างต้นทั้งหมด แต่พะยี่ห้อ บุรีรัมย์ มันไม่น่าจะมาตรฐานตกลงถึงเพียงนี้ 

   ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการขาดหายไปของ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ซึ่งเป็นคีย์แมนในเกมรุกของทีมในซีซั่น 2022-23 และคนที่มาแทนก็ยังไม่ค่อยจะเข้าทีสักเท่าไหร่

   นอกจากนี้ ระบบการเล่นที่ปรับเปลี่ยนซะจนเวียนหัว 4-3-3 บ้าง, 3-5-2 บ้าง หรือ 4-4-2 บ้าง มันน่าจะทำให้นักเตะสับสนจนไม่รู้ว่าแท็กติกไหนกันที่จะเป็นแผนหลักของทีม

   นี่ขนาดว่า เมืองทอง เองก็อยู่ในช่วงระส่ำมากๆ แถมยังใช้คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟชาวไทย แท้ๆ โดยคนหนึ่งอายุ 22 ปี (ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ) ส่วนอีกคน (ธีรภัทร เลาหบุตร) ก็เพิ่งได้เล่น ไทยลีก เป็นหนแรกในชีวิต แต่ก็สามารถจัดการกับแนวรุกของ บุรีรัมย์ ได้อยู่หมัด 

   ถ้าหากปราสาทสายฟ้าไม่ฉกฉวยความผิดพลาดแค่หนเดียวของกิเลนผยองในช่วงต้นเกม กับลูกจุดโทษที่ได้มา ตลอดทั้ง 90 นาทีที่ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม แทบไม่มีวี่แววเลยว่าพวกเขาจะทำประตูได้

   ผิดกับเจ้าถิ่นที่ดูมีรูปแบบการเล่นที่ชัดเจนมากกว่า มุ่งมั่นกว่า จนได้มาซึ่งคะแนนอันล้ำค่า และน่าจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ เมืองทอง กลับมาทำผลงานได้ดีเช่นเดิม

   ส่วน บุรีรัมย์ หากฟอร์มยังดิ่งลงเช่นนี้อยู่ เห็นทีว่าฤดูกาล 2023-24 พวกเขาคงจะโบกมือลาจากการป้องกันแชมป์ไปแบบเร็วๆ นี้แน่

   โควตาต่างชาติหลายๆ รายที่ย้ายเข้ามา คงจะมีการโละแบบไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะ นิโคเลา ดูมิครู ผู้มีดีกรีทีมชาติอิตาลี ชุดเยาวชน น่าจะต้องไปแน่ๆ แล้วหนึ่งคน

   ขณะเดียวกัน รามิล เชย์ดาเยฟ ซึ่งมาด้วยค่าเหนื่อยแสนแพง แต่ผลงานกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม รายนี้ต้องลุ้นว่าจะได้ไปต่อหรือไม่ เพราะเป็นนักเตะ 'มีของ' รอเพียงปรับตัวกับ ไทยลีก ได้เท่านั้น รับประกันกระฉูดแน่ 

   จากองค์ประกอบโดยรวม ไล่ตั้งแต่การได้แชมป์ทุกถ้วยในประเทศ 2 ซีซั่นติดต่อกัน จนไฟมอดไปพอสมควร, นักเตะตัวเก่งย้ายออก ส่วนคนที่มาแทนก็ยังปรับตัวไม่ได้, เปลี่ยนโค้ชกลางคัน จนทำให้แท็กติกการเล่นเปลี่ยนไป และอื่นๆ อีกมากมาย น่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ยอดทีมแห่งแดนอีสานประสบกับช่วงฟอร์มตกแบบเหลือเชื่อ

   แต่ด้วยความเป็น บุรีรัมย์ พวกเขาก็ยังอันตรายอยู่ดี และขอเพียงพบกับ 'จุดเปลี่ยน' เชื่อได้เลยว่าปราสาทสายฟ้าจะกลับมาโขยกคู่ต่อสู้แบบไม่มียั้งได้อีกครั้ง

   ตอนนี้ก็ต้องค่อยๆ ประคองตัวให้เกาะกลุ่มบนของตารางไปเรื่อยๆ อย่าให้ถูกทำแต้มทิ้งไปไกลกว่านี้ เพราะมันจะยิ่งส่งผลในด้านลบต่อปราสาทสายฟ้า

   บุรีรัมย์ กับห้วงเวลาที่ยากลำบากในรอบ 10 ปี 

ชิกกะด้าว

 


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport