บุรีรัมย์ เสริมหนักไม่เกรงใจใคร

นอกจาก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ที่เสริมผู้เล่นใหม่แบบสนั่นเมือง ก็คงจะเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่าที่คว้านักเตะเข้ามาเติมความแข็งแกร่งได้อย่างน่าดูชม

   ปราสาทสายฟ้าผูกขาดทุกถ้วยในประเทศมา 2 ซีซั่นติดต่อกัน แต่พวกเขาไม่มีวี่แววเลยที่จะแตะเบรกความสำเร็จ ซึ่งนั่นเป็นที่มาของการอิมพอร์ตแข้งป้ายแดงมากมายก่อนฤดูกาล 2023-24 จะเปิดฉาก

   ยอดทีมแห่งดินแดนตะวันออกเฉียงเหนือเริ่มต้นด้วยการเปิดตัว คิม มิน-ฮยอค เซนเตอร์ฮาล์ฟวัย 31 ปี ที่โลดแล่นใน เจลีก และ เคลีก มายาวนานเกินกว่าสิบปี 

   กองหลังชาวเกาหลีใต้ คนนี้อาจจะไม่เคยผ่านเกมในทีมชาติชุดใหญ่ แต่ก็ถูกเรียกติดทัพนักรบแทกึกมาแล้ว เพียงแต่ไม่ได้ลงสนามเท่านั้นเอง ทว่าสถิติการค้าแข้งนั้นไม่ธรรมดา เพราะไม่ว่าจะกับ ซากัน โตซึ (ญี่ปุ่น) หรือ ชนบุค ฮุนได มอเตอร์ส (เกาหลีใต้) เขาคือผู้เล่นหลักของทั้งสองสโมสร

   นอกจากนี้ มิน-ฮยอค ยังเป็นคู่หูของ ซน ฮึง-มิน สตาร์เบอร์หนึ่งของเอเชีย คนปัจจุบันที่อยู่ในโครงการส่งเยาวชนแดนโสมขาวไปฝึกฟุตบอลที่ ฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมัน เมื่อปี 2008-2009 อีกต่างหาก

   ปราการหลังคนนี้จะเข้ามาเสียบโควตาของ เรบิน ซูลาก้า ที่ย้ายออกไป ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับ ไทยลีก และรวมไปถึงสภาพแวดล้อมใหม่ๆ แต่จากโปรไฟล์ของเขา น่าจะไม่ยากที่จะกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทสายฟ้า 

   ต่อจาก มิน-ฮยอค ก็เป็น สุพร ปินะกาตาโพธิ์ ฟูลแบ็กอดีตกัปตัน เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งกลายเป็นแข้งกิเลนผยองคนแรกในรอบ 13 ปี ที่ย้ายจาก ธันเดอร์โดม สู่ ช้าง อารีน่า 

   ในรายกองหลังชาวจันทบุรี นั้นถือว่าช็อกแฟนๆ ไม่น้อย เพราะเขาเติบโตมาจากอะคาเดมี่ของ เมืองทอง ก่อนจะค่อยๆ พัฒนาตัวเองขึ้นจนก้าวไปติดทีมชาติไทย และรวมถึงการยึดปลอกแขนมาครองแบบไร้คู่แข่ง

   สุพร เป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ เล่นได้ทุกตำแหน่งในเกมรับ ในอดีตตอนเยาวชนเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟมาก่อน แล้วค่อยๆ ขยับออกมายืนแบ็กขวา แต่ช่วงที่กิเลนผยองขาดแคลนฟูลแบ็กฝั่งซ้าย เขาก็โยกไปประจำการ ซึ่งก็ทำผลงานได้ดีพอสมควรทีเดียว

   อย่างไรก็ตาม โอกาสที่นักเตะวัย 27 ปี จะยึดตัวจริงนั้นคงต้องลุ้นหน่อย เนื่องจาก บุรีรัมย์ มีเจ้าของสัมปทานเดิมอย่าง นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม กับ ศศลักษณ์ ไหประโคน อยู่ก่อนแล้ว แถมในกรณีฉุกเฉิน ธีราทร บุญมาทัน ก็กลับมาประจำการได้เช่นกัน

   ดังนั้น สุพร จึงน่าจะต้องพยายามอย่างหนักหน่วง เพื่อที่จะได้ออกสตาร์ตเป็น 11 คนแรกของปราสาทสายฟ้า

   หมดจากแนวรับสองราย ไม่ทันไร บุรีรัมย์ ก็เปิดตัว ลีออน เจมส์ มิดฟิลด์อนาคตไกลเชื้อสายไทย-อังกฤษ ผู้ฝึกปรือวิชาลูกหนังในสถาบันเยาวชนของ เลสเตอร์ มายาวนานกว่า 12 ปี แต่ไม่ได้ขึ้นทีมชุดใหญ่เสียที เลยตัดสินใจมาพิสูจน์ตัวเองบนดินแดนขวานทอง

   กองกลางชาวโคเวนทรี้ เพิ่มจะอายุ 21 ปี หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล และด้วยผลงานตลอดระยะเวลา 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา เขาแสดงให้เห็นว่ามีดีที่จะไปต่อได้ยาวๆ

   เท่านั้นไม่พอ แชมป์ ไทยลีก 7 สมัย ยังเปิดตัว นิโคเลา คาร์โดโซ่ แนวรุกเท้าซ้ายผู้พกโปรไฟล์ทีมชาติอิตาลี ชุดเยาวชนมาเพิ่มอานุภาพในแดนบน โดยรายนี้เคยเล่นให้ นาโปลี แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาลล่าสุดมาแล้ว

   นอกจาก 4 นักเตะใหม่ที่ปราสาทสายฟ้าเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พวกเขายังมี รามิล เชย์ดาเยฟ ศูนย์หน้าทีมชาติอาเซอร์ไบจาน ชุดปัจจุบัน แถมยังเป็นหัวหอกตัวหลักของทัพมิลลิโคมาด้า ที่รอชูเสื้ออีกด้วย

   แข้งใหม่ย้ายเข้า ขณะที่ของเดิมที่มีอยู่ก็อัดแน่นไปด้วยคุณภาพอยู่แล้ว ผู้รักษาประตูอย่าง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน อาจจะอายุแตะเลข 4 แต่ผลงานของเขายังทำให้กองหลังทุกคนอุ่นใจได้เสมอ

   แนวรับ ดิออน คูลส์ คือแกนหลัก โดยมี พรรษา เหมวิบูลย์ และ ชิติพัทธ์ เเทนกลาง เป็นกำลังเสริม ซึ่งเมื่อบวกกับ มิน-ฮยอค ที่มาแทน ซูลาก้า ก็น่าจะทำให้ป้อมปราการปราสาทสายฟ้าแข็งแรงเช่นเคย

   ฟูลแบ็กสองข้าง นฤบดินทร์ และ ศศลักษณ์ มีมาตรฐานสูง แต่พอได้ สุพร เข้ามาก็คงจะทำให้การแข่งขันสูงขึ้นอีกหลายเท่า ซึ่งผลประโยชน์ก็ตกอยู่กับทีมล้วนๆ

   แดนกลางหายห่วง ธีราทร กับ โกรัน เคาซิช คือดูโอ้ที่กลมกล่อม บู๊-บุ๋นทั้งคู่ แถมยังมีทีเด็ดในการเปิดป้อนให้เพื่อนทำประตูหรือแม้แต่จะสอดไปยิงเองก็บ่อยครั้ง ทั้งยังมี พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, รัตนากร ใหม่คามิ และรวมไปถึง เจมส์ ผู้มาใหม่ที่จะเข้ามาแย่งตำแหน่งในทีม

   ส่วนแนวรุกที่อาจจะไม่มี ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ดาวรุ่งที่กำลังจะไป เลสเตอร์ แต่ที่เหลืออยู่ก็เหลือเฟือ - ศุภชัย ใจเด็ด เก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ, ลอนซาน่า ดูมบูญ่า ก็ฟอร์มคงเส้นคงวา แถมยังได้ เชย์ดาเยฟ และ คาร์โดโซ่ มาเพิ่มอีก

   มันคือขุมกำลังที่เพียงพอสำหรับการป้องกันแชมป์สบายๆ เผลอๆ อาจจะไปได้สวยใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เสียด้วย เพราะอย่าลืมว่า บุรีรัมย์ มีโค้ชที่ชื่อ มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือสมองเปรื่องผู้มากหลายด้วยแท็กติก

   ฤดูกาล 2023-24 น่าจะเป็นปีที่ขับเคี่ยวกันแบบสนุกสุดเหวี่ยง แต่ยังไงเสียทีมเต็ง 1 คงหนีไม่พ้นปราสาทสายฟ้าที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพทุกอณู

    โดยเฉพาะการนำเข้านักเตะหน้าใหม่ที่ บุรีรัมย์ เสริมหนักไม่เกรงใจใครเลยจริงๆ

ชิกกะด้าว


ที่มาของภาพ : BURIRAM UNITED
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport