โลกลูกหนังของอาเซียน

ไม่ได้ชมการสาดแข้งสดๆของทีมชาติไทยในสนามบอลมานานมากแล้ว นับจากช่อง7 ยกกองผู้บรรยายจากสนามบอลกลับเข้าstudio

ครั้งล่าสุดที่บรรยายทีมช้างศึกไม่ค่อยคึกคือ Suzuki Cup เมื่อปีที่แล้ว อยู่ในstudio ช่อง7 หมอชิตนั่นแหละ

แน่นอน ที่studio มันย่อมแตกต่างจากการบรรยายที่สนามจริง

ไม่ว่าจะวันสนามศุภชลาศรัยแตก หรือที่ราชมังคลากีฬาสถาน บรรยากาศจากสนามจริงนั้นเต็มไปด้วยสีสัน ความตื่นเต้น ตัวฟุตบอลในสนามเราได้เห็นเต็มสี่เหลี่ยมพื้นผ้า ที่กล้องเก็บไม่หมด 

สายตาเรานี่แหละเห็น คม ชัด ลึก และ กว้าง

ม้านั่งสำรอง,ผู้ชม, รูปเกม, การเคลื่อนที่ของทั้งคนมีบอลและไม่มีบอล

ยิ่งเป็นผู้บรรยายปาก2 หรือที่เรียกว่า colour อย่างผม ยิ่งสามารถโฟกัส ตรงนั้นได้มากกว่า ปากแรกหรือ main 

แล้วทำไมถึงกลับเข้าstudio ไม่บรรยายอยู่สนามฟุตบอล 

คำตอบที่ผู้ดำเนินงานบอกคือ…ทีมโพรดักชั่นทำงานยากขึ้น เพราะต้องจัดการฟีดสัญญาณไปยังประเทศต่างๆ สมาธิไปอยู่ตรงนั้น คงมายังทีมผู้บรรยายไม่ถนัด ถ้าอยู่studio ย่อมดีกว่า….อะไรแบบนี้ 

โอเค….ตัดภาพกลับมาที่การกลับเข้าไปดูบอลทีมชาติในสนามแข่งขันจริงอีกครั้งในฐานะคุณผู้ชม เพื่อต้องการดูทีมช้างศึก ลงเล่นแบบเต็มตา 

จังหวะมันได้ ว่างพอดี แม้ บ๊อกซิง เดย์ มีแข่ง แต่ไม่ได้มีงานส่วนนี้ จึงคิดว่าน่าหาโอกาสไปดู ทีมชาติไทยลงสนามกะลูกตาตัวเองบ้าง

ตามที่รู้ๆกัน แฟนบอลอยากก้าวข้ามอาเซียน 

แต่ท่านประมุขลูกหนังบอลไทย ยืนยัน ไม่จำเป็นต้องก้าวข้าม แฟนบอลคิดไปเอง ขอใช้เวที อาเซียน เป็นเวทีทดลองฝีเท้า

ถึงวันนี้ วาทะท่านนายกฯ กลายเป็นวลีที่ถูกนำมาล้อเลียนบ่อยๆ เป็น infamous quote ของเหล่าแฟนบอล เมื่อบวกกับการบริหารจัดการของท่านตลอด 8 เปื้อน เอ้ย เกือบ8 ปี ท่านเลยเป็นจุดสนใจของแฟนบอลไทย ตามโซเชียลต่างๆ ถึงขั้นทำอะไรก็ผิด

อย่างเช่นไม่มีถ่ายทอดสดบอลทีมชาติไทย ท่านก็โดนต่อว่า

เอาใจยากจริงๆ ทั้งที่เรื่องถ่ายทอดสดหาได้เกี่ยวกับหน้าที่การงานของท่านแต่อย่างไรไม่

เรามาว่ากันที่เกม การเล่น ไทย-ฟิลิปปินส์ดีกว่าครับ

ทีมคู่แข่งก่อน

ฉายา ดิ อัสกาล ใช้โค้ชสายเลือดกาตาลุนยา ที่รู้จักบอลไทยดี อย่าง โจเซฟ เฟรเรร์ ที่ ผ.อ. ง้วน สุรชัย จตุรภัทรพงค์ บอกว่าเคยเป็นทีมงานที่บีจี ชื่อเดิม บางกอกกลาส เคยคุมราชบุรี เอฟซี   ถือว่าคุ้นเคยกับบอลไทยดีอยู่  อีกทั้งพึ่งแต่งตั้งเมื่อ 8 ธ.ค.!!!

จะว่าไป เฟรเรร์ ถนัดงานศูนย์ฝึกเยาวชน เพราะเขาเริ่มงานกับทีมโรงเรียนกีฬา บาร์เซโลนา หรือ  Barcelona Escola ที่มีทีมบอลเด็กหญิงและชาย 6-12 ขวบ รวมทั้งกีฬาอื่นๆ อันนี้คือส่วนหนึ่งของสโมสร บารซ่า แต่คนละส่วนกับ ลา มาเซีย โดยบาร์ซ่า เอสโกลา อยู่ในศูนย์ฝึกซ้อม The Ciutat Esportiva Joan Gamper แห่งใหม่ของบาร์เซโลนา อยู่ห่างจากเมืองบาร์เซโลนาทางทิศตะวันตกขับรถประมาณ 15 นาที

ฟิลิปปินส์ ของ เฟรเรร ก็ถึงจุดถ่ายเลือดใหม่ ดันเด็กดาวรุ่งขึ้นมา อายุ18-21 หลายคน แล้วบวกอายุไม่ถึง25 รวม13 คน ก็ครึ่งทีม หมดยุค พี่น้องยังฮัสแบนด์, พาทริค ไรเชลต์, มาร์ติน สตอยเบิ้ล ตัวเก๋าสุดคือกัปตันทีมวัย36 ปี สเตฟาน ชรอค ลูกครึ่งเยอรมัน-ฟิลิปปินส์ 

ชุดนี้ ลูกครึ่งเชื้อปินอย ยังมีเหมือนเดิมครับ นายประตูก็ ฮูเลียน ชวาร์เซอร์ (ไมเคิล ฟัลเคสการ์ด ของบียู ไม่เล่นละ) กองหลัง เยนส์ ราสมุสเซน ดิวิชั่น5 เดนมาร์ก  หรือลูกครึ่งที่เล่นบอลในละแวกอาเซียน มีไทยลีกก็สองสามคน อย่าว อากินาลโด เซนเตอรแบ้ก ที่ย้ายจากหนองบัว มาเล่นนครราชสีมา หรือมาเลเซียลีก 

แนวทางเดิมแต่เปลี่ยนโค้ชเป็นทางสเปนบ้าง

หลังจากใช่ อังกฤษ, สวีเดน, สหรัฐ…..

ไทยซ้อมเกมรุก

ส่วนเรื่องของเกมก็ไม่มีอะไรน่าหนักใจ สำหรับทีมไทยที่ มาโน โพลกิ้ง ยังคงใช้ชุดเดิมกับแผน4-4-2 

ตำแหน่ง ที่ธีราทร มาเล่นกลางกับ สารัช ดูแน่นขึ้น 

ผู้รักษาประตู ; กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก

กองหลัง  : ศุภนันท์ บุรีรัตน์, พรรษา เหมวิบูลย์, กฤษดา กาแมน, ศศลักษณ์ ไหประโคน

กองกลาง  : ธีราทร บุญมาทัน, สารัช อยู่เย็น

บดินทร์ ผาลา และ เอกนิษฐ์ ปัญญา 

กองหน้า : ธีรศิลป์ แดงดา, อดิศักดิ์ ไกรษร

ทีมไทยเราเหนือกว่าเยอะ 

แม้ได้ลูกแรกเร็ว น.3 ฟรีคิกของ อุ้ม ให้ มุ้ย ธีรศิลป์ 

แต่ลูกสองก็มายาก เพราะ ราสมุสเซน เซฟอุตลุด หลายจังหวะไม่คม ชนคาน, ออกง่ายๆ ดูโอกาสแล้ว 45 นาทีแรกควร3-4 ลูก แต่มาได้2-0 จุดโทษ ของธีรศิลป์ ซี่งเอกนิษฐ์ โดนทำฟาวล์

ส่วน ดิ อัสกาล ไม่ได้บุกอะไรเลย ไม่ถึงแดนสาม 

ประตูของเรา กิตติพงษ์ เหมือนตัวแถม!

ครึ่งหลังก็ซ้อมขึ้นเกมรุก โจมตีแดนสาม 

ทั้งฝั่ง บดินทร์ ผาลา และ ศุภนันท์ แบ๊กขวาที่เล่นเหมือนปีก เติมขึ้นมายิง4-0 ด้วย

อุ้มเบอร์10 

พอนำ4-0 มีการปรับเล่น4-3-3 เมื่อ เปลี่ยน พีรดนย์ ลงมา เล่นกับ สารัช, ขยับ ธีราทร ขึ้นบน เหมือนเบอร์10 พร้อมทั้งพัก ธีรศิลป์ และ อดิศักดิ์ โดยใช้ ปรเมทย์ อาจวิไล อดีตแชมป์เดาะบอล ลงยืนหน้า และโยก เอกนิษฐ์  จากขวา มายืนหน้าซ้าย ชาญณรงค์ พรหมศรีแก้ว ยืนขวา  จากนั้นค่อยส่ง วีระเทพ ป้อมพันธ์ แทน สารัช15 นาทีสุดท้าย

ถือซะว่าเกมนี้ซ้อมๆ วอร์มเท้า ก่อนเจอ อินโดนีเซีย

วันที่ 29 ธ.ค. นี้ ที่แฟนบอลเกือบ80,000 คนรออยู่ 

ณ สังเวียนแข้ง เกโรลา บุงกาโน  (เสนายัน เดิม) หลังจากพวกเขายิงบรูไน7-0 ข่มขวัญทีมไทยเรา

ถือซะว่า ของจริงรอเราอยู่อีก3 วันข้างหน้า 

เมื่อต้องเยือนอิเหนาที่ กระดูกแกร่งขึ้นภายใต้การคุมทีมของ ชิน แต ยอง

JACKIE


ที่มาของภาพ : siamsport
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport