คงเป็นเรื่องยากที่ผู้มีอำนาจหรือผู้หลักผู้ใหญ่จะก้าวข้ามซีเกมส์ถ้าเสียงก่นด่ายังคงมากขนาดนี้
เราเคยคุยกันว่าฟุตบอลไทยต้องมองข้ามซีเกมส์ได้แล้ว ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องที่สำคัญกว่าอย่างจริง ๆ จัง ๆ ได้แล้ว
เราเคยคุยกันไว้อย่างนั้น ว่าอยากเห็นเราพัฒนาฟุตบอลอย่างเป็นระบบเสียที ให้ความสำคัญกับรากฐานปิระมิด ไม่ใช่ยอดปิระมิด
แต่เมื่อเราพลาดแพ้เวียดนามในนัดชิงเหรียญทอง เราด่าโค้ช ด่านักเตะ ไม่แพ้กับที่ด่าสมาคมฯ เรื่องการบริหารจัดการ
การเตรียมความพร้อมที่ย่ำแย่นั่นเรื่องหนึ่ง สมาคมฟุตบอลต้องรับเสียงวิจารณ์ไปแน่นอนอยู่แล้ว แต่กระแสด่าทีมชาติทันทีที่พลาดเหรียญทองมานั่นแหละคือคำตอบว่าทำไมในความตั้งใจของผู้ใหญ่ถึงมองว่าเหรียญทองซีเกมส์เป็นข้อบังคับ ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด
จริง ๆ แล้วความเดือดดาลจากแฟนบอลในการพลาดเหรียญทองครั้งนี้ถูกบรรเทาลงไปด้วยดราม่าของ ศรายุทธ ชัยคำดี ที่โพสต์ด่าโค้ชวัง ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล เพราะกลายเป็นรถทัวร์ทุกคันเลี้ยวไปหาอดีตกองหน้าทีมชาติเจ้าของฉายา "โจ้ 5 หลา" กันหมด
สุดท้ายเป็นเรื่องดีแล้วที่รุ่นน้องอย่างศรายุทธรีบติดต่อขอโทษพี่วังและรับปากว่าจะไม่ทำเรื่องไม่เหมาะสมอย่างนี้อีก แต่ที่แน่ ๆ โค้ชวังและทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ได้รับความเห็นใจกลับมาก้อนใหญ่
ถ้าไม่มีโพสต์ของ โจ้ 5 หลา กระแสด่าอาจไปไกลกว่านั้น ซึ่งนั่นก็จะยิ่งตอกย้ำว่าทำไมผู้ใหญ่ในสมาคมถึงยังมีมุมมองต่อซีเกมส์ว่าพลาดไม่ได้ ต้องทำให้ได้
เพราะความคุ้นเคยของเราเป็นแบบนั้น ซีเกมส์เราเหนือกว่าชาติอื่น ๆ เราต้องแชมป์ เราต้องเหรียญทอง มันเป็นศักดิ์ศรี
การไม่ได้เหรียญทองซีเกมส์มีแรงกระแทกรุนแรง พวกท่านผ่านประสบการณ์มาก่อนและรู้ดีว่าก่อนทัวร์นาเม้นต์แฟนบอลอาจจะบอกว่ามองข้ามได้ ก้าวข้ามได้ ทีมมีข้อจำกัด แต่เมื่อถึงเวลาจริง ๆ เราก็รู้ว่าถ้าพลาดเหรียญทองแล้วชะตากรรมจะเป็นอย่างไร
มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกครับว่าทำไมมุมมองของสมาคมฟุตบอลที่มีต่อซีเกมส์ถึงเป็นอย่างนี้มาตลอดว่าเหรียญนี้ต้องไม่พลาด เพราะมันคือความสุขของคนไทย หรือในอีกความหมายหนึ่ง สมาคมฯ จะได้ไม่โดนด่า
กับเรื่องเหรียญทองซีเกมส์ มันก็คือความสุขนั่นล่ะครับ ได้เหรียญทองมันดีอยู่แล้ว ชนะเพื่อนร่วมภูมิภาคด้วย เป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีด้วย แต่กับโลกลูกหนังยุคปัจจุบันมันก็เปลี่ยนไปจากอดีตเยอะมากแล้วจริง ๆ
กับอดีตมันคือความภาคภูมิใจที่สุด เพราะฟุตบอลไม่ได้ซับซ้อนมีปฏิทินฟีฟ่าวุ่นวาย และซีเกมส์ยังฟาดฟันกันด้วยทีมชาติชุดใหญ่ ถนนทุกสายมุ่งสู่ซีเกมส์ ความตื่นตัวขั้นสุด
แต่ปัจจุบันคงต้องมาถกกันหน่อย ว่ามันยังสำคัญขนาดนั้นจริงไหมกับเงื่อนไขที่มี และเราคงต้องยึดมั่นในหลักการกันสักนิด ถ้าตั้งใจจะก้าวข้ามซีเกมส์กันให้ได้จริง ๆ
เราในที่นี้คงต้องหมายถึงทุก ๆ คน แฟนบอล นักบอล สื่อ สมาคมฟุตบอล
สำหรับผม ผมยึดจากปฏิทินฟีฟ่าเป็นหลัก เพราะฟุตบอลขึ้นกับฟีฟ่า เราจึงควรยึดปฏิทินฟีฟ่าที่กำหนดไว้แล้ว 5-6 ช่วงตลอดทั้งปีเป็นเกณฑ์
นั่นคือช่วงเวลาสากลของฟุตบอล เป็นช่วงเวลาที่ทีมชาติจะได้รับการดูแลเป็นอันดับแรก มาก่อนสโมสร
ถ้ารายการไหนอยู่ในปฏิทินฟีฟ่า เราต้องเน้น เราต้องจริงจัง เพราะสิทธิ์ขาดทุกอย่างอยู่ในมือคนเป็นโค้ช และสมาคมฟุตบอลมีอำนาจเต็มที่เหนือสโมสรในเรื่องการเรียกตัวนักเตะมารับใช้ชาติ
ถ้ารายการไหนไม่ได้อยู่ในปฏิทินฟีฟ่า เราต้องมองมันใหม่ ว่าต้องพยายามจัดการกับมันให้ดีที่สุด โดยที่ต้องเข้าใจร่วมกันเป็นพื้นฐานว่าอำนาจอยู่ในมือสโมสรไม่ใช่สมาคมฯ
สมาคมฯ ขอความร่วมมือสโมสรได้ แต่การให้ความร่วมมือนั้นแล้วแต่ เพราะนอกเหนือปฏิทินฟีฟ่า มันคือสิทธิ์โดยชอบธรรมของสโมสร
ในระดับทวีป รายการนอกเหนือปฏิทินฟีฟ่า บางสโมสรก็ปล่อยตัวนักเตะให้ทีมชาติ บางสโมสรก็ไม่ปล่อยตัว คงเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้เพราะความแข็งแกร่งและตัวเลือกของแต่ละสโมสรจากแต่ละลีกแตกต่างกันออกไป
เพียงแต่หลักการนั้นมีอยู่ นอกปฏิทินฟีฟ่า สิทธิ์เป็นของสโมสร
เราคงต้องมาทำความเข้าใจเรื่องนี้กันใหม่และกำหนดแนวทางใหม่ได้แล้ว เพื่อไม่ให้การเตรียมทีมแต่ละครั้งอยู่ในสภาวะเตี้ยอุ้มค่อม ติดขัดไปหมด
นักเตะคนไหนที่สโมสรไม่ยินดีปล่อยตัว ก็ต้องปล่อยไป ไม่ควรยื้อ เพราะสโมสรไม่ผิด นักเตะก็ไม่ผิด และไม่ต้องมีโทษทัณฑ์บนอะไรทั้งนั้น โค้ชและทีมงานก็เรียกคนอื่นมาติดทีมแทนไป
คุณภาพผู้เล่นอาจไม่ถึงตัวหลักที่ไม่มา อาจจะ 5 คน 7 คน 10 คน หรือค่อนทีม โอกาสประสบความสำเร็จได้เหรียญทองซีเกมส์น้อยลง แต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่เราทุกคนเข้าใจกันดีแล้วว่าเหตุผลและหลักการคืออะไร ปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงมันควรจะต้องน้อยลงด้วย
สิ่งที่ทีมชาติจะได้คือตัวเลือกที่เพิ่มขึ้นและหลักการที่ถูกต้อง ฟุตบอลลีกดำเนินต่อไป ฟุตบอลรายการพิเศษอย่างซีเกมส์ก็เป็นทัวร์นาเม้นต์ดูตัวลองทีมมองหาช้างเผือกไป เหรียญทองคือโบนัส ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดอีกแล้วเพราะมันมีเงื่อนไขของมันอยู่ที่ทำให้เราไม่สามารถมีทีมที่ดีที่สุดได้ในขณะที่คู่แข่งบางทีมเน้นกับมันมากกว่า ตรงนี้ทุกคนต้องเข้าใจ
ได้ทีมที่สามารถเตรียมความพร้อมได้เต็มที่สำหรับซีเกมส์ ได้ซ้อม ได้เก็บตัวตามระยะเวลาที่กำหนด โค้ชอาจได้นักเตะใหม่ ๆ เป็นตัวเลือกเข้ามาสมทบนักเตะหลักในทัวร์นาเม้นต์ระดับทวีปหรือคัดเลือกชิงแชมป์โลกที่ใหญ่ขึ้น สำคัญขึ้น
โดยที่ไม่ว่านักเตะชุดนั้นจะเป็นอย่างไร สมาคมฟุตบอลต้องให้การสนับสนุนการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เต็มศักยภาพของขอบข่ายการดูแลที่ตัวเองมี อำนวยความสะดวกให้ตามที่ทีมงานต้องการ
ต้องเข้าใจก่อนเลยว่าถ้าเราจะยึดหลักการนี้ นักเตะตัวหลักคงไม่ได้มาร่วมทีมซีเกมส์หลายคนเพราะแต่ละคนก็เป็นกำลังสำคัญของสโมสร แต่ในเมื่อฟุตบอลซีเกมส์อยู่นอกเหนือปฏิทินฟีฟ่ามันก็เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องยอมรับ
เข้มแข็งและยึดมั่นในหลักการ ถือปฏิทินฟีฟ่าเป็นหลักแล้วขยายวงรอบออกไปจากจุดนั้น นอกปฏิทินโอเคอำนาจเป็นของสโมสร แต่ถึงปฏิทินฟีฟ่าเมื่อไหร่สมาคมฟุตบอลต้องไม่ลืมว่าอำนาจเป็นของคุณ
กำหนดของปฏิทินฟีฟ่าในแต่ละปีมีอยู่แล้วว่าช่วงไหนเดือนไหนวันไหนบ้าง วางแผนใช้มันให้เต็มที่และมีประโยชน์สูงที่สุด และต้องกล้าชนให้ทีมชาติ กล้าต่อสู้เรียกร้องให้โค้ชทีมชาติ อย่าทำเหมือนชุดก่อนคราวจอร์เจียที่ปฏิทินฟีฟ่าแท้ ๆ โค้ชทีมชาติยังเรียกตัวนักเตะไม่ได้ อันนั้นมันน่าสมเพชโดยไม่ต้องอ้างเหตุผลอื่นใดเลย
แต่ปัญหาก็คือความเคยชิน.. เอาแค่ก้าวข้ามซีเกมส์ก่อน ถึงวันนี้เราก็ยังทำไม่ได้ เรายังยอมไม่ได้ถ้าไม่มีเหรียญทอง
มันต้องเริ่มทำได้แล้ว ทั้งเรา ทั้งคุณ ทั้งทุก ๆ คน
และคนที่ต้องเริ่มทำเป็นด่านแรกคือสมาคมฟุตบอล
สมาคมฯ ต้องมั่นคงในจุดยืนและมีหลักการชัดเจนกับปฏิทินฟีฟ่า อดทนกับแรงกระแทก แล้วแฟนบอลจะเริ่มเข้าใจในสิ่งที่สมาคมฯ ทำ ผมเชื่อว่าคนที่เข้าใจมีมากกว่าคนที่ไม่เข้าใจและยังยึดติดกับเหรียญทองซีเกมส์
แฟนบอลมีหน้าที่อดทนและเชื่อมั่นในกระบวนการอยู่แล้ว ผมมั่นใจว่าเราทุกคนรอได้ถ้ามองเห็นทิศทางและความมุ่งมั่นในการทำภารกิจหลักเรื่องการวางรากฐานฟุตบอลให้แข็งแรง มีการกำหนดแนวทางพัฒนาระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว
เพียงแต่เวลานี้มองไปยังไม่เห็นทิศทางนั้นที่ชัดเจนเลย จะให้ Trust the process - เชื่อมั่นในกระบวนการ - ก็ต้องมีกระบวนการให้เห็นภาพก่อน
มันก็เลยยักแย่ยักยันกันอยู่แบบนี้ กับฟุตบอลซีเกมส์ที่ควรจะมองมันอีกภาพหนึ่งได้แล้วจึงกลายเป็นว่ายังพยายามเน้นกับมันท่ามกลางเงื่อนไขที่ไม่เอื้อ
ได้ตัวหลักมาแต่เวลาเตรียมตัวขาด ๆ วิ่น ๆ ถึงทัวร์นาเม้นต์ก็ได้เห็นนักฟุตบอลวิ่งรอกวันนึงเตะซีเกมส์ วันนึงเตะบอลลีก แล้วอีกวันนึงกลับมาเตะซีเกมส์
มันไม่ใช่การพัฒนา ตัวหลักก็ไม่ได้ ตัวใหม่ก็ไม่เห็น ไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายไหนเลย แถมลงเอยด้วยการโดนด่าตามเดิม
#ตังกุย