ธีรศิลป์ดี ธีราทรเด่น! เจาะ 5 ประเด็นร้อนไทยยำบรูไน เปิดตัว อาเซียน คัพ 2022

ทีมชาติไทย ประเดิม อาเซียน คัพ 2022 ด้วย 3 คะแนน ตามเป้าหมาย แต่ระหว่างการแข่งขันที่เอาชนะบรูไน ไป 5-0 มีสิ่งใดที่น่าสนใจบ้าง นี่คือสิ่งที่ 'SIAMSPORT' อยากแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!!

[ 1 ] ผลลัพธ์ของ 4-4-2

   ตลอดทั้ง 2 เกมที่อุ่นเครื่องกับเมียนมาร์ และไต้หวัน - อเล็กซานเดร โพลกิ้ง ทดลองระบบ 4-4-2 ซึ่งเป็นแผนการเล่นที่ไม่ค่อยคุ้นชินเท่าใดนัก เนื่องจากกุนซือคนนี้นิยมใน 4-3-3 มากกว่า

   อย่างไรก็ตาม เฮดโค้ชวัย 46 ปี และทีมงานได้วิเคราะห์แล้วว่าทัพช้างศึกจะต้องพบกับคู่แข่งที่มาด้วยกลยุทธ์ตั้งรับเป็นหลัก ดังนั้นจึงต้องหาทางแก้ด้วยการเล่นที่แปลกใหม่กว่าเดิม

   ผลลงเอยมาที่ระบบกองหน้าคู่ ที่ได้เห็นตั้งแต่เกมถล่มเมียนมาร์ 6-0 ต่อด้วยแพ้ไต้หวัน 0-1

   ฟุตบอลยุคปัจจุบันนั้นมีจุดยุทธศาสตร์อยู่ที่กองกลาง ซึ่งการใช้ศูนย์หน้า 2 คน ทำให้แผงมิดฟิลด์ต้องทำงานกันหนักขึ้น ยิ่งเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่อยู่ในเลเวลเดียวกัน ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

   นั่นจึงเป็นที่มาของการให้ ธีราทร บุญมาทัน ซึ่งมีคลาสฟุตบอลระดับทวีป ขยับมาเล่นกองกลาง และเขาก็ช่วยทีมได้มากมายทั้งรับและรุก

   พอมั่นใจว่าจะได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ โพลกิ้ง ก็ปรับมาใช้ระบบ 4-3-3 ตามถนัดในนาทีที่ 72 เพื่อให้นักเตะได้ปรับตัวไปกับ เพราะเชื่อว่าในรอบลึกๆ ไทย คงจะกลับมาใช้แผนการเล่นนี้อีกครั้ง

[ 2 ] ธีรศิลป์ ยังเหนือชั้นเสมอ

   เป็นอีกครั้งที่ ธีรศิลป์ แดงดา ตอกย้ำอย่างชัดเจนว่าเขาคือศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับการทำ 1 แอสซิสต์ และอีก 1  ประตู

   หัวหอกวัย 34 ปี สะสมสกอร์รวมในทัวร์นาเมนต์นี้ไปแล้ว 20 ลูก ซึ่งสถิติยังคงดำเนินต่อไปไม่มีทีท่าว่าจะแผ่วลง และเมื่อถึงวันที่เขาประกาศรีไทร์ ก็คงยากที่จะหาผู้มาทำลายตัวเลขนี้ได้ลง

   ในเกมถล่มบรูไน - ธีรศิลป์ แทบไม่ต้องออกแรงอะไรมาก เขายังคงใช้ 'สมอง' เล่นฟุตบอลอย่างชาญฉลาด รู้จักเลือกว่าจังหวะนี้จะทำอะไรแล้วจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทีม

   แม้ว่าครึ่งหลังเขาจะมีโอกาสเหน่งๆ ไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง ซึ่งไม่สามารถแปรเปลี่ยนให้เป็นสกอร์ แต่จากฟอร์มโดยรวม ยังถือว่าโดดเด่น และมันน่าจะทำให้คู่ต่อสู้ของไทย ในเกมต่อๆ ไปเริ่มจะระวังตัวกันมากขึ้น เพราะถ้าปล่อยให้อดีตหัวหอก อัลเมเรีย ได้บอลบ่อยๆ นั้นจะเป็นภัยต่อพวกเขาเอง

   ดังนั้นสิ่งที่ต้องระวังต่อจากนี้คืออย่าให้ ธีรศิลป์ ใช้ร่างกายมากจนเกินไป และต้องเตรียมตัวเตรียมใจว่าจะเจอ 'ลูกหนัก' จากฝั่งตรงข้ามแน่ๆ เนื่องจากแท็กติกนี้นี่แหละที่จะสามารถหยุดทัพเกมบุกของทัพช้างศึกได้

[ 3 ] ธีราทร โชว์ออฟ

   หากต้องเลือก แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมกับบรูไน เชื่อว่า ธีราทร บุญมาทัน จะต้องมีชื่อเป็นแคนดิเดตแน่ๆ กับผลงานที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดอง

   อดีตแชมป์ เจลีก 2019 เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นสำคัญที่ไทย จะขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเล่นตำแหน่งใด เขาก็สามารถสร้างความแตกต่างให้กับทีมได้เสมอ

   เกมกับบรูไน ในบทบาทมิดฟิลด์คู่กับ สารัช อยู่เย็น - ธีราทร ทำไป 2 แอสซิสต์ กับการเปิดจากริมเส้นฝั่งซ้ายไปให้ ธีรศิลป์ ขึ้นโขกแบบแม่นยำ และจ่ายให้ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ยิงไกลตุงตาข่าย

   แต่จริงๆ แล้วเขาควรจะมีแอสซิสต์มากกว่านี้

   ไม่ว่าจะจังหวะที่โยนให้ ธีรศิลป์ เจ้าเก่าโหม่งเหน่งๆ ในนาทีที่ 61

   เปิดลูกเตะมุมในนาทีที่ 64 และ 69 ไปเข้าหัว พรรษา เหมวิบูลย์ ทั้ง 2 ครั้ง ทว่าก็สกอร์ก็ไม่ขยับไปมากกว่านี้ 

   นอกจากนี้เขาก็เป็นผู้เปิดไปที่ว่างให้ ธีรศิลป์ แปะต่อไปถึง บดินทร์ ผาลา ยิงประตูแรก และครอสไปหลังไลน์ถึง ศศลักษณ์ ไหประโคน โหม่งชงต่อไปที่ ปรเมศย์ อาจวิไล ที่ยิงไปติดเซฟ ไฮมี่ ไนยาริง ก่อนบอลจะมาชนตัวแนวรับบรูไน เข้าประตูตัวเอง

   แม้จะมีแค่แอสซิสต์เดียว แต่จากสิ่งที่เกิดขึ้นใน 90 นาที เราได้เห็นอย่างชัดเจนว่าลูกครอสจากด้านข้าง, เซตพีซและการจ่ายบอลของ ธีราทร สามารถเปลี่ยนเกมได้เพียงเสี้ยววินาที

   แต่ในนัดต่อๆ ไป โดยเฉพาะการเจอกับคู่แข่งที่อยู่ในระดับเดียวกัน คงไม่ได้เห็นนักเตะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คนนี้ได้เปิดป้อนง่ายๆ แบบนี้แน่ ฉะนั้นนี่เป็นอีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ที่ โพลกิ้ง ต้องเฟ้นหาวิธีที่จะทำให้ ธีราทร ได้เดินเกมแบบสะดวกโยธิน




[ 4 ] จังหวะจบสกอร์ที่ยังดูไม่เฉียบขาด

   ฟุตบอลเป็นกีฬาที่วัดแพ้-ชนะกันที่จำนวนประตู ดังนั้นทีมที่เล่นดีกว่า ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นผู้ได้รับการชูมือในบั้นปลาย

   ในเกมชนะบรูไน 5-0 ทัพช้างศึกครอบครองเกมแบบเบ็ดเสร็จ โดยที่ปล่อยให้คู่ต่อสู้มีโอกาสสับไกเพียงหนเดียวเท่านั้น

   อย่างไรก็ตาม สกอร์ที่ออกมา อาจจะทำเอาแฟนฟุตบอลชาวไทย สายต่อต้องตุ้มๆ ต่อมๆ 

   ขณะที่สาวกทัพช้างศึกแบบเข้าเส้นก็ปรารถนาจะเห็นทีมยิงมากกว่านี้ เพราะโอกาสตลอดทั้ง 90 นาที นั้นมีเกินกว่า 10 หน

   แต่สุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นเพียง 5 ประตู เท่านั้น

   ทว่าส่วนหนึ่งต้องชื่นชมแนวรับบรูไน เช่นกันที่เล่นได้อย่างมีวินัย ช่วยกันสกัดกันแบบอุตลุด และรวมไปถึง ไฮมี่ ไนยาริง จอมหนึบวัย 24 ปี ที่เซฟแล้วเซฟอีก

   นี่คือสิ่งสำคัญที่ โพลกิ้ง จะต้องกลับไปแก้ไข เพราะต่อให้รูปเกมดูดีและสวยงามกว่า แต่ถ้ายิงไม่ได้ ก็มีสิทธิ์ที่จะจบลงด้วยน้ำตาเช่นกัน

[ 5 ] อาวุธใหม่ที่ชื่อ พีรดนย์

   แม้ว่าจะอยู่ในสนามเพียง 10 นาที ทว่าผลงานของ พีรดนย์ จัดว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะเขานี่แหละจะเป็น 'ทีเด็ด' เมื่อไทย ไม่สามารถเจาะเกมรับคู่แข่งได้ตามต้องการ

   2 ประตู ที่เขาทำได้มาจาก 1 จุดโทษ กับอีก 1 ลูกยิงไกล 

   โดยเฉพาะการตะบันจากระยะ 25 หลา ที่เป็นเหมือนเครื่องหมายการค้าของมิดฟิลด์วัย 30 ปี ที่มักจะยิงในลักษณะนี้ให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ทั้งกับตอนที่เล่นให้ สมุทรปราการ ซิตี้ รวมถึงปัจจุบันที่ บุรีรัมย์ 

   ในระยะหลายปีหลังสุด ไทย ไม่มีผู้เล่นที่ยิงไกลได้ดีมานานแล้ว ซึ่งการที่ พีรดนย์ แสดงให้เห็นในประตูสุดท้ายที่ถล่มบรูไน ว่านี่แหละคือ 'อาวุธ' ใหม่ของทัพช้างศึกที่จะเอาไว้เล่นงานฝั่งตรงข้าม โดยเฉพาะในเกมที่ตื้อๆ 

   ดังนั้นต่อจากนี้ พีรดนย์ น่าจะเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่จะถูกส่งลงสนามเพื่อให้คุ้นชินกับการแข่งขัน และเมื่อถึงรอบลึกๆ เขาก็อาจจะเป็น 'ฟันเฟือง' ชื้นสำคัญที่ทำให้ไทย สามารถป้องกันแชมป์ได้ในบั้นปลาย


ที่มาของภาพ : siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport