5 ประเด็นหลัง ทีมชาติไทยเฉือน สิงคโปร์ 3-2 เปิดยุค “ฮัดสัน” ยังไม่ลงตัว

5 ประเด็นหลัง ทีมชาติไทยเฉือน สิงคโปร์ 3-2 เปิดยุค “ฮัดสัน” ยังไม่ลงตัว
ทีมชาติไทย เปิดฉากยุค แอนโธนี่ ฮัดสัน ด้วยชัยชนะเหนือ สิงคโปร์ 3-2 แต่ฟอร์มโดยรวมยังมีจุดต้องแก้ ทั้งเกมรับ เซนเตอร์ฮาล์ฟ การเข้าทำ และประเด็นของ ธีรศักดิ์–จู๊ด เบลล์ พร้อมชำแหละ 5 ประเด็นสำคัญหลังเกมฟีฟ่าเดย์นัดนี้

1 ] การจัดตัวผู้เล่น: ถูกตำแหน่ง แต่เน้นบางจุดมากไปในครึ่งแรก

ฮัดสัน เริ่มต้นด้วยระบบ 4-3-3 ที่จัดตัวได้น่าพอใจ เพราะใช้นักเตะอย่างถูกตำแหน่ง โดยเฉพาะการไม่เอา นิโคลัส มิคเคลสัน ไปยืนเป็นแบ็กซ้าย เพราะมี เควิน ดีรมรัมย์ ที่คัมแบ็กกลับสู่ทีมชาติ ซึ่งเป็นจุดที่แตกต่างจากยุค มาซาทาดะ อิชิอิ ที่อาจเลือก ศุภนันท์ บุรีรัตน์ ซึ่งฟอร์มดีมากๆ จนต้องส่งลงสนาม

แดนกลาง ธีราทร บุญมาทัน ยืนคู่ สารัช อยู่เย็น ซึ่งเป็นการจับคู่ที่ทำได้ไม่เคอะเขิน เนื่องจากอดีตแชมป์ เจลีก 2019 ขยับมายืนเป็นมิดฟิลด์ได้หลายปีแล้ว 

ขณะที่แนวรุก ชนาธิป สรงกระสินธ์ รับบทจอมทัพ โดยมี สุภโชค สารชาติ กับ เบน เดวิส อยู่ริมเส้น และให้ ศุภชัย ใจเด็ด ออกสตาร์ตตัวจริง 

อย่างไรก็ตาม ในครึ่งแรกเห็นได้ชัดว่าทีมชาติไทย ให้น้ำหนักกับการขึ้นเกมผ่าน ธีราทร มากจนเกินไป บอลแทบทั้งหมดต้องผ่านเท้าแข้งจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำให้ถูกสิงคโปร์ คาดเดาได้ง่ายขึ้น

ฝั่งซ้ายกลายเป็นช่องทางหลักในการบุก ซึ่งนั่นมาจากการที่มีทั้ง เควิน และ สุภโชค ที่มีศักยภาพสูง แต่จังหวะการประสานงานยังไม่จูนติดเท่าที่ควร 

ผลคือเกมรุกดูติดขัดและขาดมิติในฝั่งขวา 

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลในระยะยาว หากว่าทีมชุดนี้ได้เล่นร่วมกันแบบต่อเนื่อง เชื่อว่าไม่นานความเข้าใจจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง


[ 2 ] เกมรับคือ 'สัญญาณอันตราย' ที่ต้องรีบแก้ไข

สิ่งที่น่าหนักใจที่สุดคือเรื่องของ 'เกมรับ' ที่ยังคงเป็นปัญหามาทุกยุคทุกสมัย คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟอย่าง พรรษา เหมวิบูลย์ และ ณัฐพงษ์ สาริยา อาจจะได้ทั้งบู๊และบุ๋น แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาคือ 'ไม่ผ่าน' โดยสิ้นเชิง 

ลูกกลางอากาศไม่ชัวร์และมีช่องให้เจาะระหว่างกลางอยู่บ่อยๆ การเสีย 2 ประตูในเกมนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่านี่คือปัญหาที่จะทำให้ทีมชาติไทย ไม่ได้ไปต่อแน่ๆ หากข้อบกพร่องตรงนี้ยังอยู่ ซึ่งเป็นจุดที่ ฮัดสัน ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน


[ 3 ] มาตรฐานศูนย์หน้า: ข้อสงสัยในตัวเลือก 'ธีรศักดิ์'

อีกหนึ่งสิ่งที่แฟนๆ ยังสงสัยคือมาตรฐานของ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ศูนย์หน้าจาก การท่าเรือ เอฟซี ที่ได้โอกาสลงเล่นค่อนข้างบ่อย แต่กลับไม่สามารถฉกฉวยโอกาสที่ได้มาได้เลย 

2 จังหวะหลุดเดี่ยวในครึ่งแรกพิสูจน์ให้เห็นว่าเขายังไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมนักสำหรับทีมชาติไทย ในระยะยาว 

ความเก้ๆ กังๆ และขาดความมั่นใจ ทำให้ ธีรศักดิ์ ยังไม่อาจสะสมสกอร์ให้ทัพช้างศึกได้มากไปกว่านี้ สิ่งที่แฟนๆ สงสัยคือการได้เป็นตัวเลือกก่อน ปรเมศย์ อาจวิไล ที่แม้จะไม่ได้เล่นเกมอย่างเป็นทางการให้ จูบิโล่ อิวาตะ แต่เมื่อมองถึงคุณภาพยามลงสนามแล้วคนละเรื่องเลย


[ 4 ] ความหวังใหม่: 'เสกสรรค์' และ 'จู๊ด' ที่น่าจับตา

เกมในครึ่งหลังถือว่าดีกว่าเดิมแบบชัดเจน ซึ่งน่าจะเกิดจากการปลุกเร้าที่เพิ่มมากขึ้น และมีนักเตะความหวังที่ทำผลงานโดดเด่นอย่าง เสกสรรค์ ราตรี ที่ลงมาเปลี่ยนเกม

ประตูที่ 3 ที่เขาซัดไกลผ่านมือ อิซวาน มาบัด ถือว่ายอดเยี่ยมเกินห้ามใจจริงๆ

ก่อนหน้านี้ เสกสรรค์ ถูกวิจารณ์อย่างหนักหน่วง แต่การรับมือกับความกดดันได้ดีคือคุณสมบัติของนักเตะที่จะก้าวข้ามสู่อีกระดับ ซึ่งแนวรุกจาก ระยอง เอฟซี ก็ต่อสู้กับมันจนเอาชนะได้สำเร็จ

หากเขาพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและรักษามาตรฐานไปเรื่อยๆ ทัพช้างศึกจะมีนักเตะที่เก่งกาจเพิ่มอีกราย 

ส่วนเคสของ จู๊ด เบลล์ หัวหอกเชื้อสายอังกฤษที่แฟนๆ ต่างเรียกร้อง ผลงานโดยรวมยังไม่มีจุดที่น่าติชม แม้จะพลาดจุดโทษ แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ หากได้รับโอกาสบ่อยๆ ได้เล่นร่วมกับเพื่อนๆ ทีมชาติ ก็น่าจะทำให้เขารู้สึกกลมกลืนและทำผลงานได้ดีกว่านี้ ซึ่งของอย่างนี้ต้องดูยาวๆ


[ 5 ] แท็กติก 'ฮัดสัน' ต่างจาก 'อิชิอิ' แต่ยังขาดความเข้าใจ

สุดท้ายคือเรื่องแท็กติกและสไตล์ของ ฮัดสัน ที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างจาก อิชิอิ อยู่พอสมควร ไล่ตั้งแต่การเลือกและเลือกใช้ตัวผู้เล่น ไปจนถึงกลยุทธ์ที่เน้นเกมรุกมากกว่ากุนซือชาวญี่ปุ่นอย่างชัดเจน 

ทว่าสิ่งที่เฮดโค้ชคนใหม่ของทัพช้างศึกต้องรีบแก้ไขคือเรื่องความเข้าใจของผู้เล่นที่ยังดูสับสนอยู่ ทั้งคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟยังไม่น่าจะไว้ใจได้, ฟูลแบ็กสองฝั่งมีจังหวะเหม่อลอย รวมไปถึงแผงมิดฟิลด์ขาดความแม่นยำในการจ่ายบอล 

สิ่งเหล่านี้ ฮัดสัน ย่อมรู้ดีกว่าใคร แต่เขาจะขจัดข้อบกพร่องนี้ได้เร็วเพียงใด เวลาและผลงานเท่านั้นจะตอบทุกคำถาม

ชัยชนะ 3-2 เหนือสิงคโปร์ อาจไม่ใช่ผลงานที่น่าประทับใจที่สุด แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางบทใหม่ของทีมชาติไทย นับจากนี้ไป



ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport