ทีมชาติไทย ยุค แอนโธนี่ ฮัดสัน ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการ แน่นอนว่ากุนซือคนใหม่ ย่อมมาพร้อมสิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น และนี่คือ 5 สิ่งที่ (อาจจะ) ได้เห็นในยุคที่ทำช้างศึกมีเฮดโค้ชเชื้อสายอังกฤษ คนนี้คุมทีม!!
[ 1 ] แข้งเก๋าคัมแบ็ก
สิ่งที่แฟนฟุตบอลชาวไทย ได้ยินจากวันแถลงข่าวเปิดตัวกับทัพช้างศึกนั่นคือเรื่อง 'ไม่ปิดโอกาสให้ผู้เล่นคนไหนในประเทศ'
จากการสื่อสารของเทรนเนอร์เชื้อสายอังกฤษ นั่นหมายความว่า นักเตะรุ่นเก๋าอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา หรือ ธีราทร บุญมาทัน อาจได้กลับมาสวมเสื้อทีมชาติอีกครั้ง หากยังคงพิสูจน์ว่ามีคุณค่าในสนาม
ในสายตาของ ฮัดสัน ประสบการณ์คือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดของทีมชาติ นักเตะรุ่นใหญ่สามารถเป็นสะพานเชื่อมระหว่างคนรุ่นใหม่กับวัฒนธรรมทีม
ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าถ้าจะเห็นแข้งเก๋าหวนคืนในบทบาทใหม่ เพราะมันส่งผลในทิศบวกในหลายๆ มิติ โดยเฉพาะเรื่องในห้องแต่งตัวที่จะปลุกไฟให้เด็กรุ่นต่อๆ ไปได้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ
--------------------
[ 2 ] ทรงบอลดุดัน
ฮัดสัน ในฐานะอดีตกองกลางสายบุก ย่อมมองฟุตบอลผ่านเลนส์ของเกมรุกเป็นหลัก
สมัยคุมทีม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เขาพาทีมยิงไปถึง 21 ประตูจาก 12 นัด โดยไม่มีแม้แต่แมตช์เดียวที่ทำประตูไม่ได้
จากโค้ชอย่าง มาซาทาดะ อิชิอิ ที่เน้นวินัยเกมรับเป็นหลัก มาสู่ ฮัดสัน ที่มองเกมฟุตบอลเป็นศิลปะแห่งการบุก
ช้างศึกยุคใหม่จึงอาจได้เห็นฟุตบอลที่คึกคัก, ดุดันและกล้าได้กล้าเสียมากกว่าเดิม
เราจะได้เห็นทีมชาติไทย ที่พยายามเล่นเพื่อยิง มากกว่าเล่นเพื่อไม่แพ้ และนั่นอาจเป็นสิ่งที่จะเรียกความศรัทธาจากแฟนๆ ให้กลับมาอีกครั้ง
--------------------
[ 3 ] ดึงศักยภาพนักเตะออกมาใช้ได้สูงสุด
หนึ่งในจุดเด่นที่ทำให้ ฮัดสัน ถูกยกย่องในแวดวงโค้ช คือ 'พลังแห่งคำพูด' และ 'ศาสตร์ในแง่จิตวิทยา'
เขาสามารถกระตุ้นนักเตะให้เล่นได้เต็มศักยภาพ ด้วยคำพูดไม่กี่ประโยคในห้องแต่งตัว
ภายใต้ ฮัดสัน ทีมชาติไทยจะไม่ดูตึงเครียดหรือกลัวผิดพลาด เหมือนในยุคที่ผ่านๆ มาอีกต่อไป
เขาเชื่อในแนวคิดเล่นฟุตบอลอย่างมีความสุข เพราะเมื่อใจเบา ร่างกายจะตอบสนองได้ดีขึ้น
คาดได้เลยว่าจะมีนักเตะหลายราย ทั้งรุ่นใหม่และรุ่นกลาง ที่จะปลดล็อกศักยภาพตัวเองได้สำเร็จภายใต้การขัดเกลาโดย ฮัดสัน เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับลูกทีมของเขาในนิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา
--------------------
[ 4 ] ความยืดหยุ่นทำให้ประสานทุกฝ่ายได้ราบรื่น
แม้จะมีเชื้อสายอังกฤษ ที่มักมีภาพจำของระเบียบแบบแผน แต่ประสบการณ์ของ ฮัดสัน นั้นหลากหลายเกินกว่าจะติดกรอบ
เขาเคยทำงานในประเทศที่แตกต่างกันสุดขั้ว ตั้งแต่ สหรัฐอเมริกา, บาห์เรน, นิวซีแลนด์ มาจนถึง กาตาร์
การผ่านวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทำให้ ฮัดสัน เป็นคนที่เปิดใจและเข้าใจบริบท ของผู้คนในแต่ละท้องที่
ปัจจุบัน...เขาโลดแล่นอยู่บนแผ่นดินสยามมาเกือบปีเต็มแล้ว
ความเข้าใจในความเป็นไทย ทั้งในแง่ของวัฒนธรรมฟุตบอลและจิตวิญญาณนักเตะ ทำให้ ฮัดสัน มีโอกาสเข้าถึงทีมชาติได้เร็วและลึกกว่าโค้ชต่างชาติหลายคนในอดีต
--------------------
[ 5 ] เลือกผู้เล่นแบบตรงไป-ตรงมา
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยุคของ อิชิอิ ถูกวิจารณ์ไม่น้อยเรื่อง 'ลูกรัก' - อันมาจากการที่นักเตะบางคนที่ได้โอกาสซ้ำๆ แม้ฟอร์มจะไม่เปรี้ยงเอาซะเลย
เข้าใจว่ากุนซือชาวญี่ปุ่น เชื่อมั่นและรู้จักวิธีใช้งานผู้เล่นเหล่านี้เป็นอย่างดี แต่ในตอนที่บรรดาแข้งที่เรียกตัวมา ทำผลงานไม่ได้ตามเป้าหมาย คนที่ต้องรับผิดชอบก็คือเขาเองนั่นแหละ
ทว่า ฮัดสัน มีแนวทางที่ต่างออกไป บิ๊กบอสเชื้อสายอังกฤษ ให้โอกาสทุกคนเท่าเทียม หากคุณโชว์ผลงานในสโมสรได้ดี เขาพร้อมเรียกชื่อคุณทันที
เขาไม่ใช่โค้ชเคร่งระเบียบจนปิดกั้นตัวเลือกใหม่ แต่ก็ไม่ใช่คนอ่อนข้อจนเลือกนักเตะตามกระแส
สไตล์ของเขาคือ 'แฟร์' และ 'ตรงไปตรงมา' โดยพร้อมให้ทุกคนพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานในสนาม
ดังนั้น ยุคของ ฮัดสัน อาจเป็นยุคที่ชื่อเสียงไม่สำคัญเท่าฟอร์มการเล่นอีกต่อไป