รู้จัก “แอนโธนี่ ฮัดสัน” ว่าที่เฮดโค้ชทีมชาติไทยให้มากขึ้น — จากกุนซือหนุ่มสุดบนเวทีโลก, ศิษย์สายตรง แฮร์รี่ เร้ดแนปป์, ผ่านงานทีมชาติบาห์เรน–นิวซีแลนด์ ถึงแนวคิดโค้ชสายจิตวิทยาและชีวิตที่พลิกจากจุดตกต่ำสู่แรงบันดาลใจ
[ 1 ] โค้ชหนุ่มที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก
เมื่อปี 2014 ขณะที่หลายคนในวัย 30 เพิ่งเริ่มต้นสร้างอาชีพของตัวเอง - ฮัดสัน กลับกลายเป็นหนึ่งในกุนซือที่อายุน้อยที่สุดในโลกที่ได้คุมทีมชาติชุดใหญ่ เมื่อเขารับตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาตินิวซีแลนด์
ห้วงเวลานั้นพี่แกเพิ่งจะเข้าสู่ปีที่ 31 ของชีวิตเท่านั้น
ในฐานะคนที่เติบโตมากับเกมลูกหนัง แต่ต้องหยุดเส้นทางนักเตะก่อนเวลาอันควร เขาเลือกเส้นทางโค้ชอย่างจริงจัง และกล้าที่จะออกจากยุโรป ไปเรียนรู้ในซีกโลกใต้ การพาทีมเล็กๆ อย่าง 'ออลล์ ไวต์' ผ่านเข้าสู่รอบเพลย์-ออฟ เวิลด์ คัพ 2018 กับเปรู เมื่อปี 2017 ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่โลกเริ่มจำชื่อเขาได้
[ 2 ] ผ่านการเรียนโค้ชจากสถาบันเดียวกับ โชเซ่ มูรินโญ่
หลายคนอาจไม่รู้ว่า ฮัดสัน ไม่ได้แค่เรียนรู้จากประสบการณ์ แต่เขาตั้งใจเรียนรู้ทุกหลักการของการเป็นโค้ชอย่างจริงจัง เขาจบหลักสูตร ยูฟ่า โปร ไลเซ่นส์ (UEFA Pro Licence) จากสถาบัน เวลส์ - สถานที่เดียวกับที่กุนซือชื่อดังอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่, เบรนแดน ร็อดเจอร์ส และ คริส โคลแมน ที่เคยเข้ารับการอบรม
เขามักเล่าว่าสิ่งที่ได้จากหลักสูตรนี้ไม่ใช่แค่แท็กติกหรือวิธีฝึกซ้อม แต่คือการเข้าใจความเป็นมนุษย์
ฮัดสัน เผยว่า “คุณอาจมีแผนการเล่นดีที่สุดในโลก แต่ถ้าคุณไม่เข้าใจคน คุณก็ไม่มีวันเป็นโค้ชที่ดีได้”
นั่นคือแนวคิดที่กลายเป็นพื้นฐานสำคัญของเขาจนถึงทุกวันนี้
[ 3 ] ลูกศิษย์สายตรงของ แฮร์รี่ เร้ดแนปป์
ระหว่างเริ่มต้นอาชีพโค้ชที่สหรัฐอเมริกา - ฮัดสัน ได้รับคำแนะนำจากหนึ่งในกุนซือระดับตำนานของอังกฤษ อย่าง แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ ผู้ซึ่งเคยคุม สเปอร์ส, เวสต์ แฮม, พอร์ทสมัธ และยังเป็นเจ้าของรางวัล 'ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยม' ของ พรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2009-2010
อดีตบิ๊กบอสทีมไก่เดือยทองเคยพูดไว้ว่า “แอนโธนี่ (ฮัดสัน) มีความเป็นมืออาชีพสูงมาก เขาจริงจังกับฟุตบอลเกินวัยและเข้าใจมนุษย์ได้ลึกซึ้งอย่างน่าประหลาด”
ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ทำให้ ฮัดสัน ได้เรียนรู้ศาสตร์การจัดการคน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ต่อมาช่วยให้เขาสามารถคุมทีมในระดับนานาชาติได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
[ 4 ] เคยคุมทีมชาติ “บาห์เรน” ตั้งแต่อายุ 30 ปี
ก่อนจะไป นิวซีแลนด์ เขายังมีอีกหนึ่งเส้นทางที่ไม่ธรรมดา นั่นคือการออกจากโลกฟุตบอลตะวันตกไปทำงานในตะวันออกกลาง
เมื่อปี 2013 เขาได้รับโอกาสคุมทีมชาติบาห์เรน รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี และเพียงไม่นานก็ถูกดันขึ้นมาคุมทีมชาติชุดใหญ่เต็มตัว
ในวัยเพียง 30 เขาพานักรบแห่งดิลมุน (ฉายาทีมชาติบาห์เรน) คว้าแชมป์ระดับภูมิภาค และได้รับเสียงชื่นชมในเรื่องของระเบียบและวิธีคิดแบบใหม่ ซึ่งต่างจากโค้ชยุคเก่าของตะวันออกกลางโดยสิ้นเชิง
ฮัดสัน เผยถึงตอนอยู่บาห์เรน ว่า “ผมได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายจากการอยู่ในบาห์เรน โดยเฉพาะเรื่องของวัฒนธรรม, ความอดทนและความเคารพในคนรอบข้าง”
จากการที่ได้ทำงานในหลากหลายวิถีชีวิตนี่เองที่คอยๆ เติมเต็มให้กุนซือเลือดอิงลิช มีความเข้าใจในสรรพสิ่งมากยิ่งขึ้น
[ 5 ] พ่ายแพ้เปรู ในเพลย์-ออฟฟุตบอลโลก 2018
ปี 2017 คือช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุดในอาชีพของเขา - ฮัดสัน พา นิวซีแลนด์ ผ่านรอบคัดเลือกโซนโอเชียเนีย ได้สำเร็จ ก่อนจะไปเพลย์-ออฟกับ เปรู เพื่อชิงตั๋วสู่ฟุตบอลโลก 2018
แม้จะต่อกรได้อย่างสูสี แต่สุดท้ายทีมของเขาแพ้ไป 0-2 จากสองนัด ซึ่งทำให้เขาถูกวิจารณ์หนัก เนื่องจากเน้นเกมรับมากจนเกินไป แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันคือเหตุการณ์ที่หล่อหลอมตนเองให้แข็งแกร่ง
“คืนนั้นผมเห็นนักเตะหลายคนร้องไห้ ผมรู้เลยว่าเรามาไกลแค่ไหน การแพ้ครั้งนั้นสอนให้ผมเข้าใจคำว่าความพยายามมากกว่าชัยชนะ” ฮัดสัน ย้อนความหลัง
[ 6 ] โค้ชสายจิตวิทยา
แม้จะผ่านการเรียนแท็กติกระดับสูง แต่สิ่งที่ ฮัดสัน ให้ความสำคัญลำดับต้นๆ คือเรื่องของ 'จิตใจของนักเตะ' เขาเชื่อว่าการสื่อสารและความสัมพันธ์ภายในทีมคือหัวใจของความสำเร็จ
เขาเรียนด้าน จิตวิทยาการกีฬา (Sports Psychology) และมักใช้เวลาพูดคุยกับนักเตะรายบุคคล เพื่อทำความเข้าใจแรงจูงใจ ความกลัว และความกดดันของแต่ละคน
“ผมเชื่อว่าโค้ชไม่ใช่คนออกคำสั่ง แต่คือคนที่ทำให้ผู้เล่นเชื่อว่าพวกเขาทำได้” นี่คือแนวทางที่ทำให้เขาได้รับการยกย่องในหมู่นักเตะรุ่นใหม่ว่าเข้าถึงง่ายและมีมนุษยธรรม
[ 7 ] ผู้ก่อตั้ง 'Forgotten Dogs Foundation' - มูลนิธิที่เยียวยาทั้งสุนัขและนักโทษ
หนึ่งในเรื่องราวที่ทำให้หลายคนทึ่ง คือการที่ ฮัดสัน เป็นก่อตั้งมูลนิธิชื่อ Forgotten Dogs Foundation ซึ่งเชื่อมโยงโลกของสุนัขจรจัดกับโลกของผู้ต้องขังในเรือนจำ
โครงการนี้ให้นักโทษช่วยฝึกสุนัขที่ใกล้จะถูกการุณยฆาต เพื่อให้พร้อมกลับไปมีชีวิตใหม่ โดยนักโทษจะอยู่กับน้องหมาตลอด 24 ชั่วโมง เรียนรู้ความรับผิดชอบและได้รับความรู้สึกว่าตัวเองยังมีคุณค่า
เขาเคยกล่าวไวว่า “ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งในเรือนจำ เขานั่งกอดสุนัขไว้บนตัก เขาบอกผมว่า ‘มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมมีค่าอีกครั้ง’ นั่นคือสิ่งที่ผมไม่มีวันลืม”
[ 8 ] ชีวิตที่เคยเกือบพังเพราะ 'แอลกอฮอล์'
ด้วยความที่อยู่ในคลับของคุณพ่อ (อลัน ฮัดสัน) มาตั้งแต่เด็ก แถมยังพบความช้ำใจที่ต้องเลิกเล่นฟุตบอลเร็วกว่ากำหนด ในวัย 20 ปลายๆ ฮัดสัน สารภาพว่าเคยติดแอลกอฮอล์ และเกือบทำลายอาชีพตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจเลิกเด็ดขาด โดยหันมาอุทิศตนช่วยเหลือผู้ติดสุราในเรือนจำและโรงพยาบาลทั่วสหรัฐฯ, อังกฤษ และนิวซีแลนด์
การเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องขังในเรือนจำ เป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟูชีวิตของเขา เขาบอกว่าเสียง 'ประตูเหล็ก' ที่ปิดลงเรือนจำ ทำให้ไม่ลืมว่าชีวิตสามารถพลิกได้ทุกเมื่อ ถ้าเราไม่รู้จักควบคุมตัวเอง
ฮัดสัน กล่าวว่า “ทุกครั้งที่ประตูเหล็กปิดลง มันทำให้ผมรู้ว่าผมโชคดีที่ยังมีอิสระ - และผมจะไม่ปล่อยมันไปอีก”
[ 9 ] โค้ชทีมชาติสหรัฐฯ ที่ไม่เหมือนโค้ชชาวอเมริกันทั่วไป
แม้จะเติบโตจากประเทศสหรัฐอเมริกา แต่แนวทางการทำทีมของ ฮัดสัน กลับมีความเป็นยุโรป แบบชัดเจน
เขาชอบเกมที่เน้นการบิวด์-อัพ นิยมการเคลื่อนที่เชิงเทคนิคและความเข้าใจเกม มากกว่าใช้พละกำลัง
ฮัดสัน เคยทำงานกับ คริสเตียน พูลิซิช, เวสตัน แม็คเคนนี่, เซอร์จิโน่ เดสต์, และนักเตะรุ่นใหม่หลายคนในทีมชาติสหรัฐอเมริกา เพื่อปลูกฝังวัฒนธรรมเล่นด้วยสมองมากกว่าใช้แรง
[ 10 ] โค้ชหนุ่มสื่อสารได้หลากภาษา
นอกจากภาษาอังกฤษ ที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด - ฮัดสัน ยังสื่อสารเป็นสเปน ได้อีกต่างหาก อันเนื่องมาจากช่วงอบรมโค้ชที่ได้พบปะเพื่อนร่วมรุ่นที่ใช้ภาษานี้เป็นหลัก รวมถึงตอนไปทำงานในตะวันออกกลาง ทั้งบาห์เรน และกาตาร์ ซึ่งมีกุนซือเชื้อสายสเปน อยู่มากมาย